OR กำไร Q2/66 เหลือ 2,756 ลบ. ลดลงตามราคาน้ำมันในตลาดโลก

HoonSmart.com>> “ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก” (OR) เปิดงบไตรมาส 2/66 กำไรสุทธิ 2,756 ล้านบาท ลดลง 58% จากงวดปีก่อน รายได้ขายและบริการ 187,708 ล้านบาท ลดลง 11% ตามราคาน้ำมันในตลาดโลกร่วง กังวลเศรษฐกิจถดถอยในหลายประเทศ

บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก (OR) เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 2566 กำไรสุทธิ 2,756.46 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.23 บาท ลดลง 58% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 6,567.81 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.55 บาท

ส่วนงวด 6 เดือนปี 2566 กำไรสุทธิ 5,731.47 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.48 บาท ลดลง 45% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 10,412.92 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.87 บาท

บริษัทฯ ชี้แจงไตรมาส 2 ปี 2566 มีรายได้จากการขายและบริการ 187,708 ล้านบาท ลดลง 23,265 ล้านบาท (-11.8%) โดยหลักจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับลดลง ในขณะที่ภาพรวมปริมาณจําหน่ายปรับเพิ่มขึ้น 46 ล้านลิตร หรือ +0.7% ธุรกิจตลาดพาณิชย์มีปริมาณจําหน่ายปรับเพิ่มขึ้น 219 ล้านลิตร หรือ +6.3% จากน้ํามันอากาศยานเป็นหลักจากการเดินทางที่เพิ่มขึ้น ดีเซลและเบนซินปรับเพิ่มขึ้นจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศใกล้เคียง ซึ่งสวนทางกับน้ํามันเตาที่ปรับลดลงจากต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้นส่งผลต่อการแข่งขันในตลาด สําหรับธุรกิจค้าปลีกน้ํามัน มีปริมาณจําหน่ายปรับลดลง 173 ล้านลิตร หรือ -5.1% ในดีเซลเป็นหลักจากการชะลอการปรับราคาจําหน่ายหน้าสถานีบริการในช่วงไตรมาส 2 ปี 2565 ส่งผลให้มียอดขายสูงกว่าปกติขณะที่เบนซินปริมาณจําหน่ายใกล้เคียงเดิม

EBITDA ลดลง 4,959 ล้านบาท หรือ -60.1% จากภาพรวมกําไรขั้นต้นเฉลี่ยต่อลิตรลดลง 0.65 บาท โดยหลักในธุรกิจค้าปลีกน้ํามันทั้งดีเซลและเบนซินมีกําไรขั้นต้นเฉลี่ยต่อลิตรอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนเนื่องจากในไตรมาส 2 ปี 2565 มีกําไรขั้นต้นเฉลี่ยสูงกว่าปกติ

อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบไตรมาสแรก ปี 2566 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและบริการ ลดลง 9,706 ล้านบาท หรือ -4.9% โดยหลักจากราคาจำหน่ายน้ำมันลดลงตามราคาน้ำมันในตลาดโลกจากความกังวลการเกิดสภาวะเศรษฐกิจถดถอยทางเศรษฐกิจในหลายประเทศ ทำให้ไตรมาสนี้รายได้ขายและบริการกลุ่มธุรกิจ Mobility ลดลง 6.2% โดยมีปริมาณจำหน่ายรวมลดลง 1.4% จากตลาดพาณิชย์ ขณะที่กลุ่มธุรกิจ Lifestyle เพิ่มขึ้น 5.9%จากปริมาณจำหน่ายของทั้งธุรกิจค้าปลีกอาหารและเครื่องดื่ม และธุรกิจค้าปลีกอื่นๆ เช่นเดียวกับกลุ่มธุรกิจ Global ก็เพิ่มขึ้น 14.9% ตามปริมาณจำหน่ายน้ำมันที่เพิ่มขึ้นในทุกประเทศ โดยรวม 29.4%

ส่วน EBITDA มีจำนวน 5,210 ล้านบาท ลดลง 717 ล้านบาท หรือ -12.1% เมื่อเทียบไตรมาส 1 ปี 2566 โดยลดลงจากกล่มุ ธุรกิจ Mobility จากภาพรวมกำไรขั้นต้นเฉลี่ยต่อลิตรที่อ่อนตัวลง โดยหลักจากน้ำมันอากาศยานที่ปรับลดลง สำหรับกลุ่มธุรกิจ Lifestyle เพิ่มขึ้นทั้งธุรกิจค้าปลีกอาหารและเครื่องดื่ม และธุรกิจค้าปลีกอื่นๆ สำหรับธุรกิจ Global เพิ่มขึ้นจากภาพรวมกำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้นตามปริมาณการจำหน่ายโดยหลักจากประเทศฟิลิปปินส์

ภาพรวมค่าใช้จ่ายดำเนินงานสุทธิเพิ่มขึ้น 11.9% จากการลดลงของรายได้อื่นโดยหลักจาก PTT Group Supply Chain Collaboration

สำหรับส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุน (Shareof gainfrom investments) อ่อนตวัลง โดยในไตรมาสนี้แม้ว่าจะมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนสุทธิขาดทุนจากตราสารอนุพันธ์จะมีกำไรเพิ่มขึ้นก็ตาม ส่งผลให้กำไรสุทธิลดลงจากไตรมาสก่อน 218 ล้านบาท หรือ -7.3%

ส่วนงวดครึงปีกำไรสุทธิลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 4,681 ลา้นบาท ลดลง 45.0% โดยหลักจากรายได้ขายและบริการ และ EBITDA ลดลง 3,600 ล้านบาท และ 5,570 ล้านบาท ตามลำดับ โดยหลักเป็นผลมาจากราคาจำหน่ายน้ำมันลดลง สวนทางกับปริมาณขายน้ำมันที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะน้ำมันอากาศยาน

สำหรับกำไรขั้นต้นเฉลี่ยต่อลิตรของกลุ่มธุรกิจ Mobility และกล่มุ ธุรกิจ Global ปรับลดลง รวมทั้งมีค่าใช้จ่ายในการดําเนินงานสุทธิเพิ่มขึ้น 10.9% โดยหลักจากค่าใช้จ่ายที่แปรผันตามปริมาณจําหน่ายที่เพิ่มขึ้น เช่น ค่าจ้างบุคคลภายนอกและค่าส่งเสริมการขาย