HoonSmart.com>>ดาวโจนส์ปิดบวก 71 จุด S&P, Nasdaq ลบ เจอแรงขายทำกำไรหลัง overbought จับตาข้อมูลจ้างงาน ด้านตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลง ราคาน้ำมัน WTI ลดลง 43 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 81.37 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) ปิดวันที่ 1 ส.ค. 2566 ที่ 35,630.68 จุด เพิ่มขึ้น 71.15 จุด หรือ 0.20% อ่อนตัวลงจากแตะระดับสูงสุดในรอบกว่าหนึ่งปี จากแรงขายทำกำไรหลังตลาดปรับตัวขึ้นในเดือนก.ค. ขณะที่นักลงทุนเกาะติดการรายงานผลประกอบการและประเมินข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุด
ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,576.73 จุด ลดลง 12.23 จุด, -0.27%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,283.91 จุด ลดลง 62.11 จุด, -0.43%
ทิม เลสโค กรรมการผู้จัดการของ Mariner Wealth Advisors กล่าวว่า การปรับตัวลงของตลาดเมื่อวานนี้ มาจากแรงขายทำกำไรหลังจากที่กระหน่ำซื้อ(overbought) เพราะตลาดปรับตัวแข็งแกร่งตั้งแต่ต้นปีและจากผลประกอบการรายไตรมาสที่แข็งแกร่ง
“ตลาดปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งอยู่หลายวันและดัชนีก็ทำลายสถิติเป็นประวัติการณ์ อีกทั้งเศรษฐกิจก็ไม่ได้แย่ การลดลง ณ จุดนี้ ก็มาจากการที่ตลาดอยู่ในภาวะ overbought เพราะผลประกอบการส่วนใหญ่แข็งแกร่ง
หุ้น Merck บริษัทยารายใหญ่ลดลง 1.3% แม้ขาดทุนเกินกว่าที่คาดเล็กน้อย และรายได้ดีกว่าคาด หุ้นไฟเซอร์ ลดลง 1.2% จากรายได้ที่ต่ำกว่าคาดในไตรมาส 2 เพราะยอดขายผลิตภัณฑ์รักษาโรคโควิด-19 ชะลอตัว
หุ้นแคทเธอพิลลาร์บวก 8.9% จากผลประกอบการที่ดีกว่าคาด แต่เตือนว่าธุรกิจอาจจะชะลอตัว หุ้นอูเบอร์ลดลง 5.7% จากรายได้ต่ำกว่าคาดในไตรมาส 2
สัปดาห์นี้จะเป็นช่วงที่มีผลประกอบการไตรมาส 2 คึกคัก เพราะจะมีมากกว่า 160 ใน S&P 500 ที่จะรายงาน หลังจากที่มากกว่าครึ่งหนึ่งของบริษัทในตลาดส่วนใหญ่ได้รายงานแล้ว โดย 82% มีรายได้ดีกว่าคาด ทำให้เกิดความหวังว่าเศรษฐกิจจะสามารถหลีกเลี่ยงภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อมีสัญญาณชะลอตัวลง
แม้จะมีผลประกอบการที่ดีจนถึงตอนนี้ แต่นักวิเคราะห์ก็มองว่ารายได้จะลดลง 7.1% จากปีที่และผลกำไรจะลดลงติดต่อกันเป็นไตรมาสที่สาม
ตลาดยังประเมินตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจที่สำคัญชุดใหม่ ซึ่งสะท้อนภาวะเศรษฐกิจเชิงลึก โดยข้อมูลตลาดแรงงานต่ำกว่าที่คาดเล็กน้อย และข้อมูลการผลิตที่แสดงให้เห็นการหดตัวอย่างต่อเนื่อง
สำนักงานสถิติของกระทรวงแรงงาน รายงานผลสำรวจการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS)เดือนมิ.ย.ว่าลดลง 34,000 ตำแหน่ง มาที่ 9.582 ล้านตำแหน่ง ซึ่งต่ำสุดในรอบกว่า 2 ปีนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2021 และ ต่ำกว่า 9.610 ล้านตำแหน่ง ที่นักวิเคราะห์คาด
เอสแอนด์พี โกลบอลรายงาน ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายเดือนก.ค.เพิ่มขึ้นมาที่ 49.0 จาก 46.3 ในเดือนมิถุนายน ตามที่นักวิเคราะห์คาด แต่ดัชนี PMI ที่ยังคงอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 สะท้อนว่าภาคการผลิตยังคงหดตัว
ทั้งผลประกอบการและข้อมูลเศรษฐกิจเป็นเพียงน้ำจิ้มก่อนการรายงานผลการดำเนินงานของบริษัทยักษ์ใหญ่ แอปเปิลและแอมะซอน และการรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ในวันพฤหัสบดี รวมทั้งการรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนกรกฎาคมในวันศุกร์ที่นักวิเคราะห์คาดว่า จะเพิ่มขึ้น 200,000 ตำแหน่งและคาดว่าอัตราว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 3.6%
ด้านตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ โดยดัชนี DAX ตลาดเยอรมนีลดลงจากระดับสูงสุด หลังจากการรายงานข้อมูลกิจกรรมภาคโรงงานยูโรโซน จีน และสหรัฐหดตัว ตอกย้ำว่าเศรษฐกิจโลกมีความเสี่ยงจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
กลุ่มผลิตรถยนต์ กลุ่มบริการทางการเงิน และกลุ่มเหมืองแร่นำการปรับลดลง โดยอ่อนตัวลงระหว่าง 1.3% ถึง 1.6%
ผลสำรวจกิจกรรมภาคการผลิตในยูโรโซนเดือนก.ค.หดตัวเร็วที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2020 จากอุปสงค์ที่ร่วงลงแม้มีการหั่นราคาของโรงงานอย่างมาก
กิจกรรมภาคการผลิตลดลงมากในเยอรมนี เศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในยุโรป ขณะที่ฝรั่งเศสและอิตาลี ซึ่งมีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดอันดับสองและสามของยุโรป ก็หดตัวเช้่นกันนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.
ผลสำรวจกิจกรรมการผลิตเดือนก.ค.ในเอเชียก็หดตัวตอกย้ำผลกระทบจากอุปสงค์ที่อ่อนแอของจีน ขณะที่กิจกรรมการผลิตในสหรัฐหดตัวเป็นเดือนที่ 9 ติดต่อกัน
หุ้น LVMH ซึ่งมีตลาดในจีนลดลง 2.3%
หุ้นบีเอ็มดับบลิว ลดลง 5.4% จากกำไรลดลงต่ำกว่าคาด หุ้นเมอร์ซีเดส เบนซ์ ลดลง 2.4%
หุ้นดีเอชแอล ลดลง 5.2% จากรายได้และกำไรรายไตรมาสลดลง จากปริมาณการขนส่งสินค้าที่ลดลง
ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 467.16 จุด ลดลง 4.19 จุด,-0.89%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,666.27 จุด ลดลง 33.14 จุด, -0.43%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,406.08 จุด ลดลง 91.70 จุด, -1.22%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 16,240.4 จุด ลดลง 206.43 จุด, -1.26%
ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 43 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 81.37 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนต.ค.ลดลง 52 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 84.91 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล