GLOBAL เผย Q2/66 กำไร 705 ล้าน ลดลง 32% รายได้ร่วง ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น

HoonSmart.com>> “สยามโกลบอลเฮ้าส์” (GLOBAL) เผยกำไรไตรมาส 2/66 อยู่ที่ 705 ล้านบาท ลดลง 32% รายได้จากการขาย 8,503 ล้านบาท ร่วง 7.77% ฉุดงวดครึ่งปีแรกกำไรเหลือ 1,591 ล้านบาท ลดลง 27.51% ตามยอดขาย ราคาสินค้ากลุ่มเหล็กลดลงตามราคาตลาดโลก ด้านค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น จากเปิดสาขาใหม่ ค่าไฟฟ้าเพิ่มจากการปรับค่า FT

บริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์ (GLOBAL) เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 2566 ของบริษัทและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 705.06 ล้านบาท ลดลง 326.70 ล้านบาท หรือลดลง 31.66% เมื่อเทียบกับระยะเวลาเดียวกันของปี 2565 และหากเปรียบเทียบกับยอดขายคิดเป็น 8.29% ของยอดขาย

สำหรับงวด 6 เดือนแรกมีกำไรสุทธิ 1,591.31 ล้านบาท ลดลง 603.82 ล้านบาท หรือลดลง 27.51% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2565 และหากเปรียบเทียบกับยอดขายคิดเป็น 9.13% ของยอดขาย

บริษัทฯ มีรายได้จากการขายสำหรับไตรมาส 2/2566 เท่ากับ 8,503.26 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน 716.28 ล้านบาท หรือลดลง 7.77% และงวด 6 เดือนมีจำนวน 17,436.68 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน 1,416.55 ล้านบาท หรือลดลง 7.51% เป็นผลมาจากยอดขายของสาขาเดิมลดลง แม้ว่าบริษัทฯ จะเปิดสาขาใหม่เพิ่มขึ้นอีก 3 สาขา

รายได้อื่นสำหรับไตรมาส 2/2566 มีจำนวน 179.98 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน 19.75 ล้านบาท หรือ ลดลง 9.89% และงวด 6 เดือนมีจำนวน 350.43 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน 20.75 ล้านบาท หรือลดลง 5.59% เนื่องจากรายได้บริหารคลังสินค้าและรายได้ส่งเสริมการขายที่ได้รับจากคู่ค้าลดลงตามนโยบายการบริหารจัดการสินค้า

กำไรขั้นต้นประจำไตรมาส 2/2566 เท่ากับ 2,158.77 ล้านบาท ลดลงจากระยะเวลาเดียวกันของปีก่อน 279.40 ล้านบาท หรือลดลง 11.46% และคิดเป็นอัตรา 25.39% ของรายได้จากการขาย ซึ่งมีสัดส่วนลดลง 1.06% เมื่อเทียบกับระยะเวลาเดียวกันของปีก่อนและงวด 6 เดือนแรกมีจำนวน 4,396.56 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน 558.14 ล้านบาท หรือลดลง 11.26% คิดเป็นอัตรา 25.21% ของรายได้จากการขาย ซึ่งมีสัดส่วนลดลง 1.07% เมื่อเทียบกับระยะเวลาเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากรายได้จากการขายที่ลดลงและการปรับลดราคาสินค้ากลุ่มเหล็กตามราคาตลาดโลก

ด้านต้นทุนในการจัดจำหน่ายและค่าใช้จ่ายการบริหาร(ไม่รวมค่าเสื่อมราคา กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ไม่เกิดขึ้นจริง และ กำไร (ขาดทุน) จากเงินลงทุนชั่วคราวที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง) ประจำไตรมาส 2/2566 เท่ากับ 1,120.04 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเวลาเดียวกันของปีก่อน 116.54 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 11.61% โดยค่าใช้จ่ายดังกล่าวคิดเป็น 13.17% ของยอดขาย และงวด 6 เดือนแรกอยู่ที่ 2,111.98 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 176.30 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 9.11% โดยค่าใช้จ่ายดังกล่าวคิดเป็น 12.11%ของยอดขาย เป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายกลุ่มเงินเดือนพนักงานของสาขาที่เปิดใหม่ 3 สาขา ค่าไฟฟ้าจากการปรับเพิ่มค่า FT และค่าใช้จ่ายทางการตลาด

ส่วนต้นทุนทางการเงินในไตรมาส2/2566 อยู่ที่ 65.49 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเวลาเดียวกันของปีก่อน 18.92 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 40.63% และงวด 6 เดือนแรกอยู่ที่ 129.27 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 37.59 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 41.01% เนื่องจากการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ยืมของสถาบันการเงินตามสถานการณ์ตลาดการเงินที่เปลี่ยนแปลง

ด้านบล.ดาโอ มอง GLOBAL กำไรไตรมาส 2/66 หดตัวเมื่อเทียบ YoY และ QoQ ต่ำกว่าคาด มองผลการดำเนินงานไตรมาส 3/66 ยังได้รับแรงกดดันอยู่จากการเป็น low season และความไม่แน่นอนทางการเมือง ทำให้เห็น demand หดตัวต่อ QoQ อย่างไรก็ตามเห็น GPM ขยายตัวได้ YoY จากราคาเหล็กที่มีความผันผวนน้อยกว่าแม้ราคายังเป็นขาลงต่อเนื่อง

หากเทียบราคาปรับลงแรงในไตรมาส 3/66 ราคาหุ้น underperform SET ที่ -3%/-2% ในช่วง 1 และ 3 เดือนที่ผ่านมา จากราคาเหล็กที่ยังเป็นขาลง รวมถึง demand ที่คาดฟื้นตัวได้ช้า ให้คำแนะนำ “ถือ” จากมองว่าราคารับปัจจัยลบไปมากแล้ว ปัจจุบันเทรดอยู่ที่ระดับต่ำ PER ที่ 23 เท่า หรือราว -2.0 SD ต่ำกว่า 5-yr avg. PER แม้คาดผลการดำเนินงานโตได้จำกัด ให้ราคาเป้าหมาย 19 บาท