“อเบอร์ดีน” แนะสะสมหุ้นไทยราคาถูก ฟันด์โฟลว์ไหลกลับหลังตั้งรัฐบาลใหม่

HoonSmart.com>> “บลจ.อเบอร์ดีน” มองหุ้นไทยครึ่งปีหลังเคลื่อนไหวในกรอบ 1,450-1,630 จุด ทิศทางดีขึ้นจากครึ่งปีแรก รับแรงหนุนจากเศรษฐกิจขยายตัว คาดนักท่องเที่ยวตามเป้า ด้านราคาหุ้นหลายกลุ่มซื้อขายต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 10 ปี มองเป็นโอกาสเริ่มสะสมหุ้นไทย เชื่อฟันด์โฟลว์ไหลกลับหลังจัดตั้งรัฐบาลใหม่

นางสาวดรุณรัตน์ ภิยโยดิลกชัย หัวหน้าการลงทุนในตราสารทุนประเทศไทย บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) อเบอร์ดีน (ประเทศไทย) เปิดเผยภายในงานสัมมนา 2H2023 Global Economic Outlook “Recession,Interrupted” ว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2566 ดีขึ้นจากช่วงครึ่งปีแรกจากความเสี่ยงที่ลดลง โดยคาดดัชนี SET INDEX เคลื่อนไหวในกรอบบริเวณ 1,450-1,630 จุด มีอัพไซด์ประมาณ 5% จากระดับดัชนีในปัจจุบัน หากตัดหุ้น DELTA ออก Forword P/E จะลดลงจาก 16.3 เท่า เหลือ 15.3 เท่า ซึ่งเทรด Discount 10% จากค่าเฉลี่ย 10 ปีที่ราคาหุ้นหลายกลุ่มซื้อขายต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 10 ปี โดยมองกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ขนส่ง ธนาคารพาณิชย์ พาณิชย์ราคาถูกและเห็นกำไรเติบโตได้ดีน่าจะเป็นตัวนำตลาดในปีนี้

สำหรับปัจจัยบวกสนับสนุนหุ้นไทยมาจากแนวโน้มเศรษฐกิจที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยบลจ.อเบอร์ดีนคาดการณ์ GDP ขยายตัว 3.5% ในปีนี้ ซึ่งใกล้เคียงกับที่ธนาคารแห่งปรเทศไทย (ธปท.) และ Consensus คาดการณ์ จากแรงหนุนภาคการท่องเที่ยวที่คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวแตะ 28 ล้านคนได้ตามเป้าหมาย จากการสอบถามโรงแรมที่กองทุนเข้าไปลงทุนอยู่นั้นก็ให้ข้อมูลว่า นอกเหนือจากนักท่องเที่ยวชาวจีนแล้ว นักท่องเที่ยวเกาหลีใต้ เวียดนาม ซาอุดิอาระเบียและอินเดียก็เพิ่มขึ้น อเบอร์ดีนจึงค่อนข้างมั่นใจการท่องเที่ยวยังเห็นอัพไซด์มากกว่าดาวน์ไซด์และตัวเลขแตะ 30 ล้านคนก็ยังมีความเป็นไปได้ เนื่องจากนักท่องเที่ยวจีนที่เข้ามาในไทยส่วนใหญ่เป็นรายบุคคลและครอบครัว หากทางการปลดล็อกข้อจำกัดนักทองเที่ยวจีนที่เป็นกรุ๊ปทัวร์ ก็น่าจะหนุนให้จำนวนนักท่องเที่ยวเพิ้มขึ้น จึงมองหุ้นกลุ่มโรงแรม รีเทล ร้านอาหาร โรงพยาบาลยังไปต่อได้และมีดาวน์ไซด์จำกัด

ด้านการบริโภคในประเทศและการจ้างงานดีขึ้น ขณะที่ส่งออกจากเดิมกังวลจะติดลบมากก็ออกมาดีกว่าคาดในหลายกลุ่ม เช่น ข้าว ออโต้ เครื่องใช้ไฟฟ้า และมองครึ่งปีหลังส่งออกน่าจะดีขึ้นกว่าช่วงครึ่งปีแรก ซึ่งข้อดีของไทยที่การส่งออกกระจายไปในหลายประเทศทั้งสหรัฐ ยุโรป จีน อาเซียน ดังนั้นเมื่อประเทศใดประเทศหนึ่งเศรษฐกิจชะลอตัวก็กระทบไทยไม่มาก ส่วนอัตราเงินเฟ้อขาลงชัดเจน ขณะที่ดอกเบี้ยของไทยต่ำกว่าหลายประเทศทั่วโลกซึ่งกำลังเข้าสู่จุดสูงสุด

“อเบอร์ดีนมองมองแนวโน้มหุ้นไทยดีขึ้นจากความเสี่ยงที่ลดลง ปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย โมเมนตั้มกลับมาดี จึงมองความเสี่ยงน่าจะจำกัด ราคาหุ้นในตลาดหลายกลุ่มราคาถูกเมื่อเทียบอดีต 10 ปี ส่วนฟันด์โฟลว์ซึ่งเป็นตัวกดดันตลาดจากปีก่อนนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 2 แสนล้านบาท กลับมาขายสุทธิในครึ่งปีแรกนี้กว่า 1 แสนล้านบาทแล้ว แต่มองครึ่งปีหลังฟันด์โฟลว์จะไหลกลับหลังจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งมองว่าไม่ว่านายกรัฐมนตรีจะเป็นใคร ความสำคัญที่สุดคือเสถียรภาพของรัฐบาล ความเชื่อมั่นจะกลับมา จึงมองเป็นโอกาสเริ่มสะสมหุ้นไทย”นางสาวดรุณรัตน์ กล่าว

อย่างไรก็ตามความกังวลการจัดตั้งรัฐบาลล่าช้าว่าจะกระทบต่อการเบิกจ่ายงบประมาณนั้น มองว่าเคยเกิดขึ้นปี 2019 ซึ่งรัฐบาลสามาถใช้กรอบปีก่อนมาสนับสนุนก่อนได้ แต่งบการลงทุนใหม่อาจกระทบการก่อสร้าง โครงการขนาดใหญ่ ดังนั้นนักลงทุนอาจเลี่ยงลงทุนในหุ้นเกี่ยวข้องไปก่อน เช่นเดียวกับปัญหาหนี้ครัวเรือน ซึ่งธปท.กำลังหามาตรหารแก้ไข จึงแนะนำเลี่ยงลงทุนหุ้นที่เกี่ยวข้อง

ด้านกำไรบริษัทจดทะเบียน (บจ.) คาดว่าแนวโน้มจะดีขึ้นตามเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว ซึ่งผลประกอบการของกลุ่มธนาคารในงวดครึ่งปีแรกที่ประกาศออกมานั้นดีกว่าที่ตลาดคาด จาก NIM และคุณภาพของสินทรัพย์

ส่วนกรณีเอลนีโญ มองผลกระทบต่อไทยไม่มาก จากที่บล.กรุงศรีประเมินไว้กระทบต่อ GDP เพียง 0.1% ในปี 2566 และ ปี 2567 อยู่ที่ 0.3-0.5%