HoonSmart.com>> กองทุนโครงสร้างพื้นฐาน SUPEREIF เปิดงบไตรมาส 2/67 รายได้รวม 214.2 ล้านบาท ลดลง 1.4% จากงวดปีก่อน สาเหตุหลักจากรายได้จากเงินลงทุนในสัญญาโอนสิทธิรายได้สุทธิลดลง 1.8% เตรียมจ่ายปันผลครั้งที่ 19 อัตรา 0.20996 บาทต่อหน่วย วันที่ 10 ก.ย.67 นี้
นายพรชลิต พลอยกระจ่าง กรรมการผู้จัดการ Head of Real Estate & Infrastructure Investment บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) บัวหลวง จำกัด (BBLAM) เปิดเผยว่า กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้า ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี (SUPEREIF) จะจ่ายเงินปันผลครั้งที่ 19 จากผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 2 หรือระหว่างวันที่ 1 เมษายน 2567 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2567 และกำไรสะสมในอัตราหน่วยลงทุนละ 0.20996 บาท โดยกำหนดวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยลงทุน เพื่อกำหนดสิทธิรับเงินปันผล ในวันที่ 27 สิงหาคม 2567 และกำหนดจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหน่วยลงทุนในวันที่ 10 กันยายน 2567
เมื่อนับรวมตั้งแต่จัดตั้งกองทุน จนถึงการประกาศจ่ายเงินครั้งล่าสุด SUPEREIF จ่ายเงินปันผลรวม 19 ครั้ง คิดเป็นเงิน 3.53068 บาทต่อหน่วยและจ่ายเงินลดทุนไป 4 ครั้ง คิดเป็นเงิน 0.501 บาทต่อหน่วย รวมเป็นเงินปันผลและเงินลดทุนที่จ่ายออกไปทั้งสิ้น 4.03168 บาทต่อหน่วย
โดยตั้งแต่ปีปฏิทิน 2566 เป็นต้นไป หากกองทุนฯ จะมีการจ่ายเงินลดทุนสำหรับรอบผลการดำเนินงานระหว่างปีปฏิทิน กองทุนฯ จะรวบรวมเงินลดทุนดังกล่าวไปจ่ายพร้อมกับเงินจ่ายที่จะพิจารณาจากรอบผลการดำเนินงานสุดท้ายของปีปฏิทินนั้น ๆ โดยสำหรับรอบผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 1 เมษายน 2567 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2567 กองทุนฯ จะมีสภาพคล่องคงเหลือหลังจากการจ่ายเงินปันผลและการกันสำรองต่าง ๆ ประมาณ 11.1 ล้านบาท หรือ 0.02163 บาทต่อหน่วย
ด้านผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 2 ปี 2567 พบว่า มีรายได้รวมเท่ากับ 214.2 ล้านบาท ลดลง 1.4% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และลดลง 0.4% จากไตรมาสก่อน โดยสาเหตุหลักมาจากรายได้จากเงินลงทุนในสัญญาโอนสิทธิรายได้สุทธิลดลง 1.8% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เป็น 213.0 ล้านบาท และลดลง 0.4% จากไตรมาสก่อน
ทั้งนี้ กองทุนฯ ได้รับเงินค่าสินไหมทดแทนจากกรณีเหตุการณ์พายุลมแรงที่โครงการกาหลง 2 จังหวัดสมุทรสาครในปี 2566 แล้ว เมื่อวันที่ 23 และ 24 กรกฎาคม 2567 จำนวน 7.52 ล้านบาท โดยเงินค่าสินไหมทดแทนดังกล่าวจะถือเป็นรายได้ของกองทุนฯ ประจำไตรมาส 3 ปี 2567
ในไตรมาสนี้ รายได้ของโครงการ เท่ากับ 260.2 ล้านบาท โดยเป็นรายได้จากการขายไฟฟ้าทั้งหมด โดยเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน รายได้จากการขายไฟฟ้าในไตรมาสนี้ลดลง 0.8% จากจำนวนหน่วยไฟฟ้าที่ขายได้ลดลง 0.8% ทั้งนี้ เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน รายได้จากการขายไฟฟ้าในไตรมาสนี้ลดลง 4.7% จากจำนวนหน่วยไฟฟ้าที่ขายได้ลดลง 4.7% อันเป็นผลจากลักษณะของฤดูกาลที่เปลี่ยนแปลงไป ทั้งนี้ รายได้จากการขายไฟฟ้าในไตรมาสนี้มาจากการผลิตไฟฟ้าขายได้ 43.0 ล้านหน่วย
กองทุนรวม SUPEREIF ลงทุนในสิทธิในรายได้สุทธิจากการดำเนินโครงการกิจการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินขนาดเล็กมากของบริษัท 17 อัญญวีร์ โฮลดิ้ง จำกัด และ บริษัท เฮลท์ แพลนเน็ท เมเนจเม้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด จำนวน 19 โครงการ ตั้งอยู่ในพื้นที่ 8 จังหวัด ได้แก่ ปทุมธานี สระบุรี สมุทรสาคร สมุทรปราการ ปราจีนบุรี สระแก้ว พิจิตร และเพชรบูรณ์ โดยมีปริมาณพลังไฟฟ้าสูงสุดที่เสนอขายตามที่ระบุในสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค หรือการไฟฟ้านครหลวง (แล้วแต่กรณี) รวม 118 เมกะวัตต์
ขณะที่ระยะเวลาโอนสิทธิรายได้สุทธิ เริ่มตั้งแต่วันที่ 14 สิงหาคม 2562 จนถึงวันสิ้นสุดสัญญาซื้อขายไฟฟ้าแต่ละโครงการ ซึ่งระยะเวลาซื้อขายไฟฟ้าภายใต้สัญญาซื้อขายไฟฟ้าของโครงการโรงไฟฟ้าทั้งหมดอยู่ที่ประมาณ 21-22 ปี นับจากวันที่ 14 สิงหาคม 2562 โดยวันสิ้นสุดสัญญาซื้อขายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าโครงการสุดท้ายจะสิ้นสุดในวันที่ 26 ธันวาคม 2584