PHG ปิดเทรดวันแรก 16.30 บาท ต่ำกว่าราคาขาย IPO 22.38%

HoonSmart.com>>หุ้น PHG ปิดเทรดวันแรก 16.30 บาท ต่ำกว่าราคาขาย IPO 22.38% และมีรายการบิ๊กล็อต 30.34 ล้านหุ้น เทรดเฉลี่ย 21 บาท/หุ้น โบรกฯคาดกำไรปีนี้หดตัวจากฐานปีที่แล้วสูงรับรายได้จากโควิด แต่กำไรจะฟื้นตัวได้ในปี 67 พร้อมให้ราคาเป้าหมาย 29-30 บาท ขณะที่บล.ทิสโก้ มองราคา IPO ค่อนข้างสูงเกินไป

หุ้น PHG ปิดเทรดวันแรกที่ 16.30 บาท ลดลง 4.70 บาท หรือ -22.38% จากราคาขาย IPO 21 บาท/หุ้น มูลค่าซื้อขาย 2,243.37 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 19.80 บาท ขึ้นสูงสุด 21.10 บาท และต่ำสุด 15.70 บาท

นอกจากนี้ มีรายการบิ๊กล็อต PHG 20 รายการ จำนวน 30,341,000 หุ้น มูลค่าซื้อขาย 637.16 ล้านบาท เทรดในราคาเฉลี่ย 21 บาท/หุ้น เท่ากับราคาขาย IPO

บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) มองว่า ผลดำเนินงานของบริษัท แพทย์รังสิตเฮลท์แคร์กรุ๊ป (PHG) จะฟื้นตัวได้ดีในปี 67 โดยคาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 304 ล้านบาท เติบโต 12.9% จากปี 66 ที่คาดกำไรสุทธิจะอยู่ที่ 269 ล้านบาท ลดลง 8.2% เมื่อเทียบจากปี 65 เนื่องจากปี 65 มีฐานกำไรที่สูงจากโควิด พร้อมให้ราคาเป้าหมายไว้ที่ 29 บาท

บล.ดาโอ (ประเทศไทย) ประเมินกำไรปี 66-67 ของ PHG จะเติบโตดี หากไม่รวมรายได้พิเศษจากโควิดอยู่ที่ 240 ล้านบาท -17% YoY และ 280 ล้านบาท +25% YoY จากรายได้ปี 66-67 เติบโต +14%, +13% YoY ผู้ใช้บริการที่เพิ่มขึ้นจากโรคที่ซับซ้อนท้ังคนไข้เงินสด และคนไข้โครงการภาครัฐ โดยเฉพาะคนไข้โรคหัวใจ ซึ่งทาง PHG มีรายได้หัวใจจากการเข้าร่วมโครงการ สปสช. อยู่ที่ 9% ของรายได้รวมปี 65

โดยคาดปี 66 รายได้หัวใจอยู่ที่ 10% ของรายได้รวมปี 66 และ 12% ในปี 67 และ GPM ในปี 66-67 จะปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับภาวะปกติเป็น 27.5% และ 28% จากปี 62 ที่ 17.3% จากรายได้ที่เพิ่มขึ้น และการบริหารจัดของโรงพยาบาลที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมประเมินราคาเหมาะสมที่ 30 บาท อิง 2567 PER ที่ 32x สูง กว่าค่าเฉลี่ยของ peers ได้แก่ BCH, BDMS, BH, CHG, EKH, และ PR9 โดยที่ให้ PER สูงกว่ากลุ่ม เนื่องจากกำไรมีโอกาสโตดีปี 69 จากขยายอาคารผู้ป่วย 2 อาคาร

PHG เป็นโรงพยาบาลเอกชนชั้นนาในปทุมธานี โดยมีทั้งผู้ป่วยเงินสด (สัดส่วนรายได้ 52%) และโครงการภาครัฐ (สัดส่วนรายได้ 48%) มีความโดดเด่นในการให้บริการโรคหัวใจในทุกระดับความรุนแรงของโรค และมีโรงพยาบาลเฉพาะทาง ของแม่และเด็ก โดยโรงพยาบาลสามารถรองรับผู้ป่วย 270 เตียง และมีโควตาสำหรับผู้ประกันตนอยู่ที่ 156,000 ราย โดยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นหลังจากการขยายอาคาร ผู้ป่วยในโครงการอนาคต

บล.ทิสโก้ มองว่า บริษัท แพทย์รังสิตเฮลท์แคร์กรุ๊ป (PHG) ระยะสั้นรายได้รวมและกำไรสุทธิจะลดลง เนื่องจาก ไม่มีรายได้ที่เกี่ยวข้องกับโรคโควิด-19 เข้ามาช่วยหนุน ซึ่งเป็นรายได้ที่มีกำไรขั้นต้นสูงกว่า ขณะที่รายได้ที่ไม่ใช่โควิด จะดีขึ้นจากการเพิ่มขึ้นของกลุ่มผู้ป่วยโรคทั่วไปหลังแพร่ระบาดโควิด โดยบริษัทคาดว่าแนวโน้มกำไรสุทธิในช่วงหลังจากนี้จะอยู่ระหว่าง 8-10% ต่อปี เมื่อเทียบกับการเติบโตาแบบ Double-digit ในปี 64-65

ระยะยาวบริษัทสามารถเติบโตต่อไปได้ เนื่องจากเป็นบริการขั้นพื้นฐานและการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ รวมทั้งบริษัทมีพัฒนาการและขยายการให้บริการต่อยอดจากเดิมอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม มีประเด็นต้องติดตามต่อไป จากแผนการขยายการให้บริการเพิ่มเติม เช่น การเปิดศูนย์มะเร็ง ที่มีจำนวนคู่แข่งค่อนข้างมาก โ่ดยเฉพาะคู่แข่งที่เป็นผู้เล่นรายใหญ่ และโรงพยาบาลใหญ่ของรัฐที่มีความเชี่ยวชาญ จากการประเมินเบื้องต้น มองว่า มูลค่าเหมาะสมของ PHG ณ ราคา IPO ค่อนข้างสูงเกินไป