HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทั้ง 3 ดัชนีหลักปิดบวก ดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 51 จุด ฟื้นตัวต่อเนื่องจากร่วงแรงในวันจันทร์วิตกเศรษฐกิจถดถอย , เทขายสกุลเงินที่มีดอกเบี้ยสูงเพื่อนำเงินไปซื้อเยน ด้านราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้น ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป”ปิดบวก
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 9 สิงหาคม 2567 ปิดที่ 39,497.54 จุด เพิ่มขึ้น 51.05 จุด หรือ +0.13% ฟื้นตัวต่อเนื่องแทบจะทั้งหมดหลังร่วงลงรุนแรงในวันจันทร์ จากความวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยและจากการ unwind yen carry trade หรือ เทขายสกุลเงินที่มีดอกเบี้ยสูงเพื่อนำเงินไปซื้อเยน
ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,344.16 จุด เพิ่มขึ้น 24.85 จุด, +0.47%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 16,745.30 จุด เพิ่มขึ้น 85.28 จุด, +0.51%
ในรอบสัปดาห์นี้ดัชนีหลักปิดตลาดแทบไม่เปลี่ยนแปลง ดัชนีดาวโจนส์ลดลง 0.6%, ดัชนี S&P500 ลดลง 0.05% และดัชนี Nasdaq ลดลง 0.2%
สัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์ที่ตลาดมีความผันผวนมากที่สุดในปี 2024 ดัชนีดาวโจนส์ในวันจันทร์ร่วงลง 1,000 จุด ดัชนี S&P 500 ร่วงลง 3% เป็นวันที่เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่ปี 2022 ข้อมูลการจ้างงานของสหรัฐฯ ที่น่าผิดหวังจากสัปดาห์ก่อน รวมทั้งความกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐปรับลดอัตราดอกเบี้ยช้าเกินไป และการ unwind carry trade ในเงินเยนของเฮดจ์ฟันด์เป็นสาเหตุหลักในการขายหุ้น
Carry Trade คือการทำกำไรจากส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยในแต่ละประเทศ ด้วยการกู้ยืมเงินในสกุลเงินที่ดอกเบี้ยต่ำ เพื่อนำไปลงทุนในสกุลเงินที่ให้ดอกเบี้ยสูง ที่ผ่านมา สกุลเงินเยนญี่ปุ่นเป็นเป้าหมายหลักของ Hedge Funds โดยทำ Yen Carry Trade ในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยญี่ปุ่นติดลบ
ในสัปดาห์นี้ตลาดพันธบัตรก็ผันผวนเช่นกัน อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีลดลงต่ำกว่า 3.70% ณ จุดหนึ่ง แต่กลับมาอยู่ที่ 4% ในวันพฤหัสบดี และการซื้อขายที่ราว 3.94% ในวันศุกร์
ในวันพฤหัสบดี เจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)แสดงความมั่นใจว่า อัตราเงินเฟ้อชะลอตัวลงมากพอที่จะให้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย และจะพิจารณาข้อมูลเศรษฐกิจเพื่อกำหนดขนาดและเวลาในการปรับลดอัตราดอกเบี้ย
ในวันศุกร์ กลุ่มเทคโนโลยีหนุนให้ดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นมากที่สุด และดัชนีวัดความผันผวน(Cboe Volatility Index ) ซึ่งเป็น “มาตรวัดความกลัว” ของวอลล์สตรีท ลดลงหลังจากพุ่งสูงขึ้นเมื่อต้นสัปดาห์
เจย์ แฮทฟิลด์ ซีอีโอ Infrastructure Capital Advisors CEO กล่าวว่า การซื้อขายที่ผันผวนพอๆ กับในช่วงปลายฤดูร้อน ซึ่งเป็นช่วงที่ข้อมูลไม่ไหลเวียนมากนัก และการรายงานผลการดำเนินงานเริ่มลดลง และไม่ได้บ่งชี้ถึงเศรษฐกิจที่ถดถอยแต่อย่างใด การขายออกส่วนใหญ่ในตลาดในสัปดาห์นี้มาจากเฮดจ์ฟันด์เป็นหลัก ไม่ใช่นักลงทุนระยะยาว และสถานการณ์ในตลาดนี้ไม่ส่งผลต่อแนวโน้มระยะยาว
ไมเคิล เจมส์ กรรมการผู้จัดการฝ่ายซื้อขายหลักทรัพย์ของ Wedbush Securities กล่าวว่า จะยังคงมีความไม่แน่นอนและความวิตกกังวล ที่ครอบงำตลาดตลอดเดือนหน้า จนกว่าจะถึงการประชุมเฟดครั้งถัดไป
เครื่องมือ FedWatch ของกลุ่ม CME บ่งชี้ว่า เทรดเดอร์ให้น้ำหนัก 51% ที่เฟดจะปรับลดดอกเบี้ยลง 0.50% ในการประชุมนโยบายครั้งต่อไปในวันที่ 17-18 กันยายน และมีโอกาส 49% ที่จะลดดอกเบี้ย 0.25%
ตลาดจับตาการรายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) แลดยอดค้าปลีกเดือนกรกฎาคมในสัปดาห์หน้า เพื่อประเมินภาวะเศรษฐกิจ และการให้ความเห็นเพิ่มเติมเกี่ยวกับนโยบายการเงินจาก ประธานเฟด นายเจอโรม พาวเวลล์ ในการประชุมประจำปีธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ที่ แจ็กสันโฮล รัฐไวโอมิง ในวันที่ 22-24 สิงหาคม
ตลาดยุโรปปิดบวก ด้วยแรงหนุนต่อเนื่องจากกลุ่มเฮลธ์แคร์ ปรับตัวขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 4 ติดต่อกัน และปรับตัวขึ้นในรอบสัปดาห์นี้หลังประสบกับความปั่นป่วนจากการเทขายหุ้นทั่วโลกด้วยความวิตกต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยของสหรัฐฯ
Teeuwe Mevissen นักกลยุทธ์มหภาคอาวุโสจาก Rabobank กล่าวว่า นักลงทุนช้อนซื้อหุ้นที่ลดลง อย่างไรก็ตาม เนื่องจากตลาดขาดสภาพคล่อง ความผันผวนจะมากขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า และอาจหมายความว่าตลาดหุ้นอาจถอยกลับ
ในด้านข้อมูล อัตราเงินเฟ้อของเยอรมนีเพิ่มขึ้นในเดือนกรกฎาคมเป็น 2.6% สอดคล้องกับข้อมูลเบื้องต้น ขณะที่ราคาผู้บริโภคของอิตาลีลดลง 0.9% เมื่อเทียบเป็นรายเดือนในเดือนกรกฎาคม
กลุ่มเฮลธ์แคร์เพิ่มขึ้น 1.7% จากหุ้น Novo Nordisk บริษัทที่มีมูลค่าตลาดมากสุดของยุโรป พุ่งขึ้น 6.3% เป็นการปรับขึ้นรายวันติดต่อกันเป็นครั้งที่สอง
กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ก็ปรับขึ้นจากการเพิ่มขึ้น 5.5% ใน LEG Immobilien ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทให้เช่ารายใหญ่ที่สุดของเยอรมนี หลังรายงานผลขาดทุนลดลงในไตรมาสสอง
หุ้น Hargreaves Lansdown แพลตฟอร์มการลงทุนรายใหญ่ที่สุดของอังกฤษ เพิ่มขึ้น 2.3% หลังทำข้อตกลงการเทกโอเวอร์มูลค่า 5.4 พันล้านปอนด์กับกลุ่มการลงทุนจากต่างประเทศ
หุ้น Generali บริษัทประกันภัยชั้นนำของอิตาลีลดลง 2% หลังรายงานผลประกอบการที่สอดคล้องกับการคาดการณ์ แม้นักวิเคราะห์กังวลการประกันวินาศภัยที่อ่อนแอ
ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 499.19 จุด เพิ่มขึ้น 2.82 จุด, +0.57%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,168.10 จุด เพิ่มขึ้น 23.13 จุด, +0.28%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,269.71 จุด เพิ่มขึ้น 22.26 จุด, +0.31%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 17,722.88 จุด เพิ่มขึ้น 42.48 จุด, +0.24%
ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนกันยายน เพิ่มขึ้น 65 เซนต์ หรือ 0.85% ปิดที่ 76.84 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนตุลาคมเพิ่มขึ้น 50 เซนต์ หรือ 0.63% ปิดที่ 79.66 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล