กองทุนรวม 7 เดือนโตแตะ 5.41 ล้านลบ. กองต่างประเทศ-ตราสารหนี้โดดเด่น

HoonSmart.com>> กองทุนรวม 7 เดือนแรกปี 67 มูลค่าทรัพย์สินสุทธิเพิ่มขึ้นแตะ 5.41 ล้านล้านบาท เติบโตเกือบ 2.63 แสนล้านบาท หรือ 5.11% จากสิ้นปีก่อน กองทุนตราสารหนี้โตต่อเนื่อง 2.62 แสนล้านบาท กว่า 11.10% เงินไหลลงทุนคาดเฟดเตรียมลดดอกเบี้ยก.ย.นี้ ด้านกองทุนต่างประเทศ (FIF) ยังโดดเด่นรับหุ้นต่างประเทศปรับตัวขึ้น ส่วนกลุ่มองทุนลดหย่อนภาษี RMF-SSF-ThaiESG โตต่อเนื่อง

สมาคมบริษัทจัดการลงทุน (AIMC) เปิดเผยมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NAV) ของกองทุนรวมทั้งระบบในช่วง 7 เดือนแรก สิ้นสุดวันที่ 31 ก.ค.2567 มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NAV) อยู่ที่ 5,408,013 ล้านบาท เติบโต 262,935 ล้านบาท หรือ 5.11% จากสิ้นปี 2566 มี NAV อยู่ที่ 5,341,703 ล้านบาท และเพิ่มขึ้นจากสิ้นเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งมี NAV อยู่ที่ 5,362,044 ล้านบาท

กองทุนตราสารหนี้ ซึ่งมีขนาดใหญ่สุดยังเติบโตต่อเนื่อง NAV เพิ่มขึ้น 262,240 ล้านบาท หรือ 11.10% อยู่ที่ 2,624,494 ล้านบาท มีสัดส่วน 48.53% เมื่อเทียบกองทุนรวมทั้งระบบ

กองทุนตราสารทุน มีขนาดใหญ่อันดับสองมี NAV ลดลงต่อ 9,864 ล้านบาท หรือ -0.62% อยู่ที่ 1,584,395 ล้านบาท
กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน NAV อยู่ที่ 356,807 ล้านบาท ลดลง 11,600 ล้านบาท หรือ -3.15%
กองทุนรวมผสม NAV อยู่ที่ 333,860 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,018 ล้านบาท หรือ 0.60%
ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) NAV อยู่ที่ 242,333 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10,034 ล้านบาท หรือ 4.32%

หากแยกรายประเภทกองทุนในช่วง 7 เดือนแรก กองทุนรวมเพื่อไปลงทุนต่างประเทศ (FIF) ยังคงเติบโตต่อเนื่องมูลค่า 181,025 ล้านบาท หรือ 17.30% NAV เพิ่มขึ้นแตะ 1,227,176 ล้านบาท

ด้านกลุ่มกองทุนลดหย่อนภาษี อย่างกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) มี NAV ขยับเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 427,127 ล้านบาท มูลค่าเพิ่มขึ้น 6,080 ล้านบาท หรือ 1.44% จากสิ้นปีที่ผ่านมา ซึ่งเติบโตต่อเนื่องจากเดือนมิ.ย.2567 กองทุนเพื่อการออมระยะยาว (SSF) มีมูลค่าเพิ่มขึ้นเช่นกัน NAV อยู่ที่ 60,325 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5,598 ล้านบาท หรือ 10.23% และกองทุน ThaiESG มี NAV ขยับขึ้นแตะ 6,962 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,696 ล้านบาทหรือ 32.20% จากสิ้นปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 5,267 ล้านบาท

ขณะที่กองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) สิ้นสุดโครงการและหมดสิทธิ์ประโยชน์ภาษีไปแล้ว นักลงทุนขายกองทุนออกต่อเนื่อง ส่งผลให้ NAV ลดลง 34,705 ล้านบาท หรือ -13.08% อยู่ที่ 230,692 ล้านบาท