HoonSmart.com>> ดัชนีดาวโจนส์ปปิดบวก 81 จุด จากอ่อนตัวลงระหว่างวัน ด้านดัชนี S&P 500 , Nasdaq ปรับลดลงต่อเนื่องจากวานนี้ นักลงทุนทิ้งหุ้นเทคโนโลยีชั้นนำเป็นวันที่สอง ด้านกระทรวงพาณิชย์รายงานประมาณการครั้งที่ 1 ของ GDP ไตรมาส 2 ขยายตัว 2.8% สูงกว่า 2.1% ที่นักวิเคราะห์คาด “ราคาน้ำมันดิบ” ปรับตัวเพิ่มขึ้น ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดลบ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 25กรกฎาคม 2567 ปิดที่ 39,935.07 จุด เพิ่มขึ้น 81.20 จุด หรือ +0.20% แม้อ่อนตัวลงหลังพุ่งขึ้น 400 จุดระหว่างวัน จากการปรับขึ้นของหุ้นเล็กและกลุ่มอื่นที่ไม่ได้รับความในช่วงก่อน ส่วน ดัชนี S&P 500 และดัชนี Nasdaq ปรับลดลงต่อเนื่องจากเมื่อวาน เพราะนักลงทุนทิ้งหุ้นเทคโนโลยีชั้นนำเป็นวันที่สอง
ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 5,399.22 จุด ลดลง 27.91 จุด, -0.51%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 17,181.72 จุด ลดลง 160.69 จุด, -0.93%
หุ้น IBM เพิ่มขึ้น 4.3% และเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ดัชนีดาวโจนส์พุ่งสูงขึ้น จากรายงานกำไรและรายได้ที่แข็งแกร่งกว่าที่คาดไว้ในไตรมาสที่แล้ว นอกจากนี้ยังเพิ่มการคาดการณ์กระแสเงินสดในปีนี้ โดยกล่าวว่าธุรกิจ AI ของบริษัทมีความแข็งแกร่ง
หุ้น Nvidia ลดลง 1.7% หุ้น Advanced Micro Devices ลดลงกว่า 4% และมีการขายVanEck Semiconductor ETF ออกไปเกือบ 2% ในขณะที่ หุ้นMeta Platforms ลดลง 1.7% และหุ้นไมโครซอฟต์ ลดลง 2.5% หุ้นอัลฟาเบท ลดลงกว่า 3%
อดัม ซาร์ฮัน ซีอีโอของ 50 Park Investments กล่าวว่า มีการเปลี่ยนแปลงหุ้นแถวหน้าในตลาด หุ้น AI ที่เคยนำการปรับขึ้น ตอนนี้กำลังนำอยู่ในขาลงตอนนี้ แต่การเคลื่อนไหวเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องแปลกในช่วงที่ตลาดอยู่ในภาวะกระทิง มีการเปลี่ยนกลุ่มลงทุนแบบ Mini Rotationครั้งใหญ่ จากกลุ่มเทคโนโลยีไปหุ้นขนาดเล็กและหุ้นกลุ่มวัฎจักร
รายงานภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่แข็งแกร่งเกินคาด ทำให้เกิดความหวังว่าหุ้นขนาดเล็กและหุ้นกลุ่ม ที่ก่อนหน้านี้ไม่เป็นที่ชื่นชอบของตลาด จะได้ประโยชน์ โดยจะช่วยหนุนยอดขายของบริษัทต่างๆต่อเนื่อง
กระทรวงพาณิชย์รายงานประมาณการครั้งที่ 1 ของ GDP ไตรมาส 2 ปีนี้ ว่า GDP ขยายตัว 2.8% สูงกว่า 2.1% ที่นักวิเคราะห์คาด จากที่ขยายตัวเพียง 1.4% ในไตรมาส 1 อย่างไรก็ตามนักลงทุน จับตาการรายงาน ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ในวันศุกร์ ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ให้ความสำคัญ เพื่อประเมินว่าเฟดยังกังวลเงินเฟ้อหรือไม่
แต่การที่อัตราเงินเฟ้อได้ชะลอตัวลงแล้ว ก็มีความคาดหวังในวงกว้าง ว่า เฟดจะเริ่มลดอัตราดอกเบี้ย โดยรายงานข้อมูลเศรษฐกิจวันพฤหัสบดี เทรดเดอร์ยังให้ความเป็นไปได้ 100% ที่ เฟดจะเริ่มลดดอกเบี้ยในเดือนกันยายน ตามข้อมูลจาก CME Group
หุ้นฟอร์ด มอเตอร์ร่วงลง 18.4% ซึ่งเป็นการร่วงลงรายวันที่เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่ปี 2008 หลังจากผลประกอบการไตรมาส 2 ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้มาก
หุ้นอเมริกันแอร์ไลน์ลดลงกว่า 7%หลังปรับคาดการณ์กำไร
ตลาดยุโรปปิดลบจากการรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่น่าผิดหวัง
ในหลายกลุ่มทั้งเทคโนโลยีและหุ้นกลุ่มสินค้าหรู ประกอบกับการหันไปหาสินทรัพย์ปลอดภัยยิ่งกดดันตลาดให้ลดลง
ดัชนี STOXX 600 ปิดลดลง 0.7% แม้พ้นจากจุดต่ำสุดหลังจากแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่าสองเดือนระหว่างวัน
หุ้นสื่อเป็นกลุ่มที่ลดลงมากที่สุด โดยลดลง 3% จากการร่วงลง 23.5% ของหุ้น Universal Music Group ค่ายเพลงที่ใหญ่ที่สุดในโลก หลังจากรายงานรายได้จากการสตรีมและการสมัครสมาชิกต่ำกว่าที่คาดในไตรมาสที่สอง
กลุ่มเทคโนโลยีร่วงลง 2.8% โดย BE Semiconductor Industries ซัพพลายเออร์ชิ้นส่วนการผลิตชิปของเนเธอร์แลนด์ ร่วงลง 14% หลังจากคาดการณ์ยอดขายในไตรมาสสามทรงตัว ซึ่งต่ำกว่าการคาดการณ์ของตลาด
หุ้น STMicroelectronics ผู้ผลิตชิปที่จดทะเบียนในปารีสลดลง 13.7% หลังจากปรับลดคาดการณ์รายได้และอัตรากำไรทั้งปีเป็นครั้งที่สอง
หุ้นใหญ่รายอื่นในอุตสาหกรรม เช่น ASMI และ ASML ลดลงประมาณ 4% ต่อหุ้น
กระแสการขายหุ้นเทคโนโลยีในสหรัฐฯ ที่เพิ่มมากขึ้นส่งผลกระทบต่อกลุ่มนี้มากขึ้น
หุ้นรถยนต์ลดลง 1.7% ส่วนหนึ่งจากหุ้น Stellantis ผู้ผลิตรถยนต์ที่ร่วงลง 8.7% หลังจากรายงานผลประกอบการครึ่งปีแรกแย่กว่าที่คาดไว้
นอกจากนี้ หุ้น Renault ลดลง 7.5% หลังจากที่กลุ่มพันธมิตร นิสสัน มอเตอร์ ปรับลดแนวโน้มทั้งปีหลังจากแทบจะไม่มีกำไรในไตรมาสแรก
หุ้น Nestle บริษัทอาหารสำเร็จรูปรายใหญ่ที่สุดของโลกร่วงลง 5.1% หลังจากที่ปรับลดแนวโน้มยอดขาย ในขณะที่ หุ้นKering กลุ่มสินค้าหรูสัญชาติฝรั่งเศสร่วงลง 7.5% หลังจากรายงานว่ายอดขายในไตรมาสสองลดลงเกินคาด และคาดการณ์ว่าครึ่งปีหลังจะอ่อนแอ
ดัชนีกลุ่มบริษัทหรูที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป 10 แห่งร่วงลงประมาณ 1.7% สู่ระดับต่ำสุดในรอบหกเดือน
ท่ามกลางการขายออกทั่วโลก นักลงทุนหนีไปยังสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงน้อยกว่า ซึ่งรวมถึงพันธบัตรระยะสั้น โดยอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอายุ 2 ปีของเยอรมันอยู่ในระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์
ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 508.63 จุด ลดลง 3.67 จุด, -0.72%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,186.35 จุด เพิ่มขึ้น 32.66 จุด, +0.40%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,427.02 จุด ลดลง 86.71 จุด, -1.15%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 18,298.72 จุด ลดลง 88.74 จุด, -0.48%
ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนกันยายน เพิ่มขึ้น 69 เซนต์ หรือ 0.89% ปิดที่ 78.28 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนกันยายน เพิ่มขึ้น 66 เซนต์ หรือ 0.81% ปิดที่ 82.37 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
