ดาวโจนส์ปิดร่วง 377 จุด ระบบเทคโนโลยีทั่วโลกล่ม

HoonSmart.com>> ดัชนีดาวโจนส์ปิดร่วง 377 จุด นักลงทุนเทขายจากความปันป่วนเหตุขัดข้องทางเทคโนโลยีทั่วโลกที่เกิดจากข้อผิดพลาดของซอฟต์แวร์ หุ้น Crowdstrike ร่วง 11% ราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 2.69 ดอลลาร์ กว่า 3.3% ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป”ปิดลบ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 19กรกฎาคม 2567 ปิดที่ 40,287.53 จุด ลดลง 377.49 จุด หรือ -0.93% จากความปั่นป่วนจากเหตุขัดข้องทางเทคโนโลยีทั่วโลกที่เกิดจากข้อผิดพลาดของซอฟต์แวร์ ยิ่งทำให้ตลาดที่วิตกกังวลอยู่แล้วมีความไม่แน่นอนมากขึ้น

ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 5,505.00 จุด ลดลง 39.59 จุด หรือ -0.71%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 17,726.94 จุด ลดลง 144.28 จุด หรือ -0.81%

ในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนี Nasdaq ลดลง 3.65% และ S&P 500 ลดลง1.97% เป็นการปรับตัวลงรายสัปดาห์มากสุดนับตั้งแต่เดือนเมษายน จากแรงเทขายหุ้นเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ แต่ดัชนีดาวโจนส์ปิดบวก 0.72%

เหตุขัดข้องทางเทคโนโลยีในวงกว้างได้ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานในหลายอุตสาหกรรม รวมถึงสายการบิน การธนาคาร และเฮลธ์แคร์ หลังจากเกิดข้อผิดพลาดในซอฟต์แวร์ของ Crowdstrike บริษัทรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ ทำให้ระบบปฏิบัติการ Windows ของ Microsoft ขัดข้อง

หุ้น Crowdstrike ร่วงลง 11.1% ขณะที่หุ้นบริษัทคู่แข่งด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์อย่าง Palo Alto Networks และ SentinelOne เพิ่มขึ้น 2.2% และ 7.8% ตามลำดับ

ดัชนีความผันผวนของตลาด CBOE ซึ่งถือเป็นตัวชี้วัดความวิตกกังวลของนักลงทุน แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปลายเดือนเมษายน

ดัชนี Russell 2000 หุ้นเล็ก ซึ่งปรับขึ้นจากการโยกออกจากหุ้นใหญ่ในต้นสัปดาห์ ลดลงเล็กน้อย

หุ้น Nvidia นำการเทขายหุ้นชิป ดัชนี Philadelphia SE Semiconductor ลดลง 3.1%

นายจอห์น วิลเลียมส์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)สาขานิวยอร์ก ย้ำถึงความมุ่งมั่นของเฟดในการลดอัตราเงินเฟ้อให้เหลือเป้าหมาย 2% เครื่องมือ FedWatch ของ CMEบ่งชี้ความเป็นไปได้ 93.5% ที่เฟดจะเข้าสู่เริ่มลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนกันยายน

ในสัปดาห์หน้า นักลงทุนจับตาการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทชั้นนำ Tesla, Alphabet, IBM, General Motors, Ford และอีกหลายบริษัท

หุ้น Eli Lilly บวก 1.0% หลังจากที่จีนอนุมัติยาลดน้ำหนัก tirzepatide

ตลาดยุโรปปิดลบจากการเทขายหุ้นเทคโนโลยี ผลประกอบการที่ต่ำกว่าคาดและการปรับตัวลงของหุ้นที่เกี่ยวข้องกับสินค้าโภคภัณฑ์ รวมไปถึงเหตุขัดข้องทางเทคโนโลยีทั่วโลก

ดัชนี STOXX 600 ปิดลดลง 0.8% สู่ระดับต่ำสุดในรอบกว่า 2 สัปดาห์และลดลงรายสัปดาห์กว่า 2% ซึ่งเป็นการร่วงลงรายสัปดาห์ที่ใหญ่ที่สุดในปีนี้

การซื้อขายน้ำมัน ก๊าซ พลังงาน หุ้น สกุลเงิน และพันธบัตรกลับมาปกติ หลังจากเหตุขัดข้องทางไซเบอร์ทั่วโลกที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของบริษัทผู้ให้บริการทางการเงินและธนาคารตั้งแต่ลอนดอนไปจนถึงสิงคโปร์ แม้ยังมีปัญหาข้อมูลตกค้างก็ตาม

หุ้นกลุ่มเดินทางและสันทนาการลดลงมากที่สุดโดยร่วงลง 2.1% จากการลดลง 8.3% ใน Evolution ของสวีเดน หลังจากที่ผลประกอบการไตรมาสที่สองและการคาดการณ์ผลประกอบการต่ำกว่าคาด

กลุ่มเหมืองร่วงลง 2.1% จากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ลดลง เนื่องจากขาดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน ในขณะที่หุ้นพลังงานขนาดใหญ่ลดลงเกือบ 1% ท่ามกลางราคาน้ำมันดิบที่ลดลง

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีลดลง 1% และเป็นกลุ่มที่มีลดลงมากสุดในสัปดาห์นี้ โดยร่วงลงเกือบ 9%

ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลงติดต่อกันเป็นวันที่ 5 นักลงทุนวิตกกับสถานการณ์ทางการเมืองในสหรัฐอเมริกาและความเป็นไปได้ในการออกกฎการค้าที่เข้มงวดขึ้น ซึ่งทำให้มีการเทขายหุ้นเทคโนโลยี

การขาดทิศทางนโยบายจากธนาคารกลางยุโรปหลังการตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในช่วงต้นสัปดาห์ยังเพิ่มความไม่แน่นอนให้กับของนักลงทุนอีกด้วย
ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 510.03 จุด ลดลง 3.98 จุด, -0.77%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,155.72 จุด ลดลง 49.17 จุด, -0.60%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,534.52 จุด ลดลง 52.03 จุด, -0.69%,
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 18,171.93 จุด ลดลง182.83 จุด, -1.00%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนสิงหาคม ลดลง 2.69 ดอลลาร์ หรือ 3.3% ปิดที่ 80.13 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนกันยายน ลดลง 2.48 ดอลลาร์ หรือ 2.9% ปิดที่ 82.63 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล