บล.กสิกรฯมองหุ้นแกว่ง1,530-1,585 จุด จับตาฟันด์โฟลว์-การเมือง

HoonSmart.com>>บล.กสิกรไทยมองหุ้นสัปดาห์หน้า ให้แนวรับที่ 1,545 และ 1,530 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,570 และ 1,585 จุดตามปัจจัยในประเทศ ด้านค่าเงินบาท ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวที่ระดับ 34.40-34.90 บาทต่อดอลลาร์ฯ

บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทยมองหุ้นสัปดาห์ถัดไป (19-23 มิ.ย.2566) ว่าดัชนีหุ้นมีแนวรับที่ 1,545 และ 1,530 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,570 และ 1,585 จุด ตามลำดับ

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ถ้อยแถลงของประธานเฟดต่อสภาคองเกรส ทิศทางเงินทุนต่างชาติ และสถานการณ์การเมืองในประเทศ

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ข้อมูลการเริ่มสร้างบ้าน ยอดขายบ้านมือสองเดือนพ.ค. ดัชนี PMI เดือนมิ.ย. (เบื้องต้น) รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ การกำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ LPR เดือนมิ.ย. ของจีน การประชุม BOE รวมถึงดัชนี PMI เดือนมิ.ย. (เบื้องต้น) ของญี่ปุ่น ยูโรโซน และอังกฤษ

ดัชนีหุ้นพลิกบวกช่วงปลายสัปดาห์ จากในช่วงแรกย่อตัวลงเล็กน้อย ก่อนจะดีดตัวขึ้นในเวลาต่อมาตามทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศ โดยมีปัจจัยหนุนจากการที่จีนประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยหลายประเภทเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ อย่างไรก็ดีหุ้นย่อตัวลงอีกครั้งในช่วงระหว่างสัปดาห์ โดยมีแรงกดดันจากสัญญาณเตรียมปรับขึ้นดอกเบี้ยในระยะถัดไปของเฟด แม้การประชุมรอบล่าสุด เฟดจะมีมติคงดอกเบี้ยตามคาดก็ตาม ตลาดหุ้นฟื้นตัวขึ้นบางส่วนช่วงปลายสัปดาห์ตามแรงหนุนของหุ้นกลุ่มพลังงาน อนึ่ง หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้นมากสุดในสัปดาห์นี้ จากแรงหนุนในหุ้นผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ ซึ่งได้รับอานิสงส์จากการปรับตัวขึ้นของหุ้นเทคฯ ในต่างประเทศ

ในวันศุกร์ที่ 16 มิ.ย. ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,559.39 จุด เพิ่มขึ้น 0.28% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 43,232.75 ล้านบาท ลดลง 13.84% ส่วนดัชนี mai ลดลง 4.11% มาปิดที่ระดับ 480.72 จุด

สำหรับค่าเงินบาทสัปดาห์ถัดไป (19-23 มิ.ย.) ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวที่ระดับ 34.40-34.90 บาทต่อดอลลาร์ฯ

ในวันศุกร์ที่ 16 มิ.ย. 2566 เงินบาทปิดตลาดที่ระดับ 34.66 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับ 34.62 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (9 มิ.ย.) สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 12-16 มิ.ย. 2566 นั้นขายสุทธิหุ้นไทย 2,957.50 ล้านบาท และมีสถานะเป็น Net Outflows ออกจากตลาดพันธบัตรไทย 13,193 ล้านบาท (แม้จะซื้อสุทธิพันธบัตร 2,591 ล้านบาท แต่ก็มีตราสารหนี้หมดอายุ 15,784 ล้านบาท)

เงินบาทแกว่งตัวเป็นกรอบ โดยเงินบาทแข็งค่าขึ้นในช่วงต้นสัปดาห์ ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ ขาดแรงหนุนเนื่องจากตลาดรอติดตามข้อมูลเงินเฟ้อ CPI ของสหรัฐฯ และผลการประชุมเฟดอย่างใกล้ชิด อย่างไรก็ดีเงินบาทอ่อนค่ากลับไปใกล้ๆ แนว 34.90 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงต่อมาท่ามกลางแรงหนุนเงินดอลลลาร์ฯ จาก dot plots ของเฟดซึ่งสะท้อนโอกาสการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ อีก 2 ครั้งในช่วงที่เหลือของปี แม้เฟดจะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยไว้ตามเดิมที่กรอบ 5.00-5.25% ในการประชุมเมื่อ 13-14 มิ.ย. ที่ผ่านมาก็ตาม

นอกจากนี้เงินบาทยังอ่อนค่าลงตามภาพรวมของสกุลเงินเอเชีย นำโดย เงินหยวน ซึ่งเผชิญแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจจีนที่อ่อนแอกว่าที่คาดและสัญญาณผ่อนคลายทางการเงินของธนาคารกลางจีน อย่างไรก็ดี เงินบาทพลิกกลับมาแข็งค่าอีกครั้งช่วงปลายสัปดาห์ หลังเงินดอลลาร์ฯ อ่อนค่าลงตามบอนด์ยีลด์ เนื่องจากตลาดกลับมารอติดตามข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ เพื่อหาสัญญาณยืนยันว่า เฟดจะสามารถปรับขึ้นดอกเบี้ยได้อีก 2 ครั้งตามที่ส่งสัญญาณไว้ตาม dot plots หรือไม่