ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 742 จุด คาดเฟดลดดอกเบี้ย 100% ค้าปลีกแข็งแกร่ง

HoonSmart.com>> ดัชนีดาวโจนส์ปิดพุ่ง 742 จุด เป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากการปรับขึ้นของหุ้นกลุ่มอื่นๆ ในวงกว้างนอกเหนือจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี หวังการปรับลดอัตราดอกเบี้ยกำลังจะเกิดขึ้น บริษัทใหญ่หลายแห่งทำกำไรได้ดีกว่าคาด ด้านข้อมูลยอดขายปลีกแข็งแกร่งเกินคาด ราคาน้ำมันดิบลดลง ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดลบ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 16 กรกฎาคม 2567 ปิดที่ 40,954.48 จุด เพิ่มขึ้น 742.76 จุด หรือ +1.85% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์จากการปรับขึ้นได้ขยายตัวเป็นวงกว้างนอกเหนือจากกลุ่มเทคโนโลยี ด้วยความคาดหวังการปรับลดอัตราดอกเบี้ยกำลังจะเกิดขึ้น และหลังจากบริษัทใหญ่หลายแห่งทำกำไรได้ดีกว่าคาด

ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 5,667.20 จุด เพิ่มขึ้น 35.98 จุด +0.64%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 18,509.34 จุด เพิ่มขึ้น 36.77 จุด, +0.20%

ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 0.6% สู่ระดับ all-time high เป็นครั้งที่ 38 ในปีนี้ การปรับขึ้นของตลาดวันอังคารต่างจากวันที่สร้างสถิติอื่นๆ เพราะเกิดจากการปรับขึ้นในวงกว้าง โดยหุ้นเกือบ 9 ใน 10 ใน S&P 500 เพิ่มขึ้น แทนที่จะเป็นหุ้นเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ไม่กี่หุ้น

การปรับขึ้นของหุ้นเหล่านี้ช่วยชดเชยการร่วงลงของหุ้น เทคโนโลยียักษ์ใหญ่จำนวนหนึ่ง หุ้น Nvidia มีน้ำหนักมากที่สุดใน S&P 500 หลังจากที่ร่วงลง 1.6%

หุ้น Caterpillar ซึ่งจัดว่าเป็นตัวแทนภาคอุตสาหกรรม เพิ่มขึ้นมากกว่า 4% และเป็นหุ้นที่เพิ่มขึ้นมากเป็นอันดับสองในดัชนี Dow ตามหลัง UnitedHealth
บริษัทประกันภัยที่พุ่งขึ้น 6.5% จากผลประกอบการไตรมาสสองที่ดีเกินคาด

หุ้นการเงิน ซึ่งเป็นกลุ่มที่วิ่งขึ้นอีกกลุ่มหนึ่ง ปรับขึ้นหลังการรายงานผลการดำเนินงานของ Bank of America และ Morgan Stanley ดีว่าการ คาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หุ้นBank of America เพิ่มขึ้นกว่า 5% ขณะที่ Morgan Stanley เพิ่มขึ้นเกือบ 1%

ดัชนี Russell 2000 หุ้นขนาดเล็ก เพิ่มขึ้นมากกว่า 3% เป็นวันที่ห้าติดต่อกัน

หุ้นที่ปรับขึ้นหลายตัวจากวันก่อน ซึ่งได้รับประโยชน์จากความคาดหวังที่เพิ่มสูงขึ้นสำหรับอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะคว้าการเลือกตั้งประธานาธิบดี หลังการลอบสังหารเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้ปรับตัวลง โดยหุ้น Trump Media & Technology Group ร่วงลง 9.1%

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีลดลงเหลือ 4.16% จาก 4.23% ในช่วงปลายวันจันทร์ และจาก 4.70% ในเดือนเมษายน ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวครั้งสำคัญของตลาดตราสารหนี้และทำให้ราคาหุ้นปรับตัวสูงขึ้น

นอกจากนี้ข้อมูลยอดขายปลีกที่แข็งแกร่งเกินคาดในวันอังคาร และอาจกดดันอัตราเงินเฟ้อให้สูงขึ้นได้ แต่เทรดเดอร์ยังคงมองว่ามีความน่าจะเป็น 100% ที่ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายน จาก 70%เมื่อเดือนที่แล้ว ตามข้อมูลจาก CME Group

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงาน ยอดค้าปลีกเดือนมิถุนายนเพิ่มขึ้น 0.0% หรือไม่มีการเปลี่ยนแปลง เมื่อเทียบรายเดือน ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 0.3% จากที่เพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนก่อน ส่วนเมื่อเทียบรายปี ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 2.3% จากที่เพิ่มขึ้น 2.6% ในเดือนก่อนหน้า

ยอดค้าปลีกที่ไม่รวมยอดขายรถยนต์และน้ำมัน เพิ่มขึ้น 0.8% เมื่อเทียบรายเดือน สูงกว่าร0.2% ที่นักวิเคราะห์คาด จาก 0.3% ในเดือนพฤษภาคม

ตลาดยุโรปปิดลบจากหุ้นที่เกี่ยวข้องกับสินค้าโภคภัณฑ์ตามราคาที่ลดลงและแบรนด์หรูร่วงลงหลังจากการคาดการณ์ประจำปีของ Hugo Boss ที่ไม่สดใส ในขณะที่ตลาดยังประเมินโอกาสที่โดนัลด์ ทรัมป์จะชนะการแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ

กลุ่มทรัพยากรพื้นฐาน ลดลง 1.7% ตามราคาโลหะพื้นฐานที่ร่วงลง

หุ้น Rio Tinto ที่จดทะเบียนในลอนดอนร่วงลง 2.3% หลังจากที่บริษัทเหมืองแร่ยักษ์ใหญ่ระดับโลกรายงานการจัดส่งแร่เหล็กในไตรมาสที่สองต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้

หุ้นกลุ่มพลังงานลดลง 0.9% จากราคาน้ำมันดิบที่ร่วงลงประมาณ 1%

หุ้น Hugo Boss บริษัทแฟชั่นสัญชาติเยอรมันร่วงลง 7.5% หลังจากที่ลดการคาดการณ์ยอดขายและกำไรประจำปีลง โดยชี้ว่าความต้องการของผู้บริโภคทั่วโลกที่ลดลง โดยเฉพาะในจีนและสหราชอาณาจักร

หุ้นแบรนด์หรูอื่นๆ ในภูมิภาคยังคงตกอยู่ภายใต้แรงกดดัน โดยหุ้นแบรนด์หรูสิบอันดับแรกของยุโรปร่วงลงกว่า 1% จากที่ร่วงลด 3% ในวันก่อน

ในด้านข้อมูลเศรษฐกิจ สถาบันวิจัยเศรษฐกิจ ZEW กล่าวว่า ความเชื่อมั่นของนักลงทุนชาวเยอรมันแย่กว่าที่คาดไว้ในเดือนกรกฎาคม ถือเป็นการลดลงครั้งแรกในรอบปี และบ่งชี้ว่าการฟื้นตัวในเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดของยูโรโซนไม่ราบรื่น

ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะประชุมนโยบายในสัปดาห์นี้ ซึ่งนักลงทุนคาดว่า ECB จะตรึงอัตราดอกเบี้ย และจะจับตาความเห็นจากผู้กำหนดนโยบายเพื่อประเมินกรอบเวลาการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในระยะต่อไป

ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 517.30 จุด ลดลง 1.43 จุด, -0.28%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,164.90 จุด ลดลง 18.06 จุด -0.22%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,580.03 จุด ลดลง 52.68 จุด, -0.69%,
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 18,518.03 จุด ลดลง 72.86 จุด -0.39%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนสิงหาคม ลดลง 1.15 ดอลลาร์ หรือ 1.4% ปิดที่ 80.76 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนกันยายน ลดลง 1.12 ดอลลาร์ หรือ 1.32% ปิดที่ 83.73 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล