HoonSmart.com>>ธนาคารกรุงศรีอยุธยา(BAY) ในเครือ MUFG จับมือพันธมิตรไทยและต่างประเทศ จัดงานให้สตาร์ทอัพดาวรุ่งมากกว่า 60 รายหลากหลายธุรกิจ จาก 9 ประเทศ แสดงศักยภาพต่อนักลงทุนมากกว่า 160 บริษัทชั้นนำจาก 6 ประเทศ คาดหวังจับคู่ทางธุรกิจได้อย่างน้อย 10 ราย ภายใน 3 ปี พร้อมสนับสนุนสินเชื่อผลักดันให้สตาร์ทอัพที่มีศักยภาพเติบโตโดยไม่จำกัดแค่ในตลาดอาเซียน
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา(BAY)ในเครือของมิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป (MUFG) หนึ่งในกลุ่มสถาบันการเงินที่ใหญ่ที่สุดระดับโลก พร้อมด้วยเครือข่ายพันธมิตรทั้งหน่วยงานภาครัฐและองค์กรธุรกิจชั้นนำ ไทย-ญี่ปุ่น-อาเซียน อาทิ กระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรม (METI) ประเทศญี่ปุ่น สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) และ Techo Startup Center และ Khmer Enterprise หน่วยงานภายใต้กระทรวงเศรษฐกิจและการคลังของประเทศกัมพูชา จัดงาน Japan-ASEAN Startup Business Matching Fair 2023 จับคู่เจรจาธุรกิจสตาร์ทอัพครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในอาเซียน ในโอกาสฉลองครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์ระหว่างอาเซียน-ญี่ปุ่น พร้อมส่งเสริมเศรษฐกิจการค้าระหว่างอาเซียนและญี่ปุ่น
งานครั้งนี้เปิดโอกาสให้สตาร์ทอัพดาวรุ่งมากกว่า 60 ราย จาก 9 ประเทศ ได้แสดงศักยภาพต่อนักลงทุนมากกว่า 160 บริษัทชั้นนำจาก 6 ประเทศ ได้แก่ ไทย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ กัมพูชา ลาว อินโดนีเซีย สิงคโปร์ ญี่ปุ่น และฟินแลนด์ ในหลากหลายกลุ่มธุรกิจ เช่น เฮลท์เทค มาร์เก็ตเพลส ฟินเทค โลจิสติกส์ และคาร์บอนเครดิต เป็นต้น ได้มาพบปะเจรจาการค้า และนำเสนอผลงาน แผนงานธุรกิจกับบรรดานักลงทุนมากกว่า 160 บริษัทชั้นนำจาก 6 ประเทศ เพื่อสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุน และต่อยอดการเติบโตให้ไปได้ไกลกว่าในระดับอาเซียน
นายโอบะ ยูอิจิ อุปทูต สถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย ให้เกียรติมาเป็นประธานในพิธีและกล่าวถึงความร่วมมือครั้งนี้ว่า การสนับสนุนธุรกิจสตาร์ทอัพถือเป็นหนึ่งเรื่องที่รัฐบาลญี่ปุ่นให้การสนับสนุน ซึ่งอยู่ภายใต้กลยุทธ์เรื่องการเปลี่ยนแปลงสู่ความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมของญี่ปุ่น (GX Strategy) และการส่งเสริมโมเดลเศรษฐกิจใหม่ BCG Model ของไทย
ทั้งนี้กุญแจสำคัญที่ช่วยให้งานครั้งนี้บรรลุผลสำเร็จคือ ความร่วมมือเพื่อสร้างสรรค์ประโยชน์ร่วมกันอย่างแท้จริง (Co-creation) ซึ่งรัฐบาลญี่ปุ่นพร้อมให้การสนับสนุนร่วมกับรัฐบาลไทย และภาคเอกชนทั้งในประเทศไทยและอาเซียน เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจและร่วมส่งเสริมเศรษฐกิจระหว่างอาเซียนและญี่ปุ่น พร้อมเน้นย้ำถึงความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันระหว่างอาเซียน-ญี่ปุ่น ในวาระครบรอบ 50 ปี และจะสานต่อการทำงานร่วมกับภาครัฐและภาคเอกชนไทยเพื่อต่อยอดความสัมพันธ์ให้ยั่งยืนต่อไป
นายเคนอิจิ ยามาโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) กล่าวว่า กรุงศรี ขอขอบคุณพาร์ทเนอร์ทุกท่านที่ให้การสนับสนุน และร่วมผลักดันให้เกิดกิจกรรมในวันนี้ขึ้น โดยมีจุดมุ่งหมายเดียวกันในการสร้างอีโคซิสเต็มให้สตาร์ทอัพ ด้วยการสนับสนุนด้านเงินทุน ความรู้ด้านเทคโนโลยี และข้อมูลธุรกิจ จนสามารถต่อยอดการคิดค้นนวัตกรรมหรือเทคโนโลยีเพื่อแก้ไขปัญหาของโลกในด้านต่าง ๆ รวมถึงมีส่วนช่วยในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย และเศรษฐกิจของภูมิภาคให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน และด้วยประสบการณ์ในการจัดงาน ยังมีกิจกรรมการจับคู่เจรจาธุรกิจ (Business Matching) ซึ่งเป็นหนึ่งในบริการที่โดดเด่นของกรุงศรีในการสร้างพื้นที่เชื่อมโยงทางธุรกิจ ขณะเดียวกันก็ถือเป็นเวทีแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ที่ไม่ได้จำกัดเฉพาะการบริหารจัดการการเงิน แต่ยังรวมถึงความรู้ด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่จำเป็นสำหรับธุรกิจอีกด้วยเพื่อให้ธุรกิจเติบโต
นายยามาโตะกล่าวว่า สตาร์ทอัพดาวรุ่งที่เข้าร่วมงานครั้งนี้ อาทิ Zeroboard Inc. สตาร์ทอัพสัญชาติญี่ปุ่นที่เชี่ยวชาญด้านคลาวด์เทคโนโลยีเกี่ยวกับการคำนวณและการแสดงผลลัพธ์การปล่อยก๊าซเรือนกระจกของธุรกิจและซัพพลายเชน DoctorTool สตาร์ทอัพธุรกิจกลุ่มเฮลท์เทคที่เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ทางไกล และการจัดจำหน่ายเครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์จากประเทศอินโดนีเซีย และ Nham24 สตาร์ทอัพธุรกิจกลุ่มมาร์เก็ตเพลสซึ่งเป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ บริการส่งอาหารและเรียกแท็กซี่ อันดับหนึ่งในประเทศกัมพูชาให้ความสนใจเข้าร่วมด้วยเช่นกัน ส่วนสตาร์ทอัพไทยเข้าร่วม 18 บริษัท อยู่ในธุรกิจ เฮลท์เทค ฟินเทค ฟู้ดเทค
และคาร์บอนเครดิต
“งานครั้งนี้ยังมีกิจกรรมการจับคู่เจรจาธุรกิจ มากกว่า 300 การประชุม เชื่อมโยงสตาร์ทอัพมาพบกับนักลงทุนทั่วอาเซียน ไม่ใช่เฉพาะไทยและญี่ปุ่นเท่านั้น คาดหวังความสำเร็จในการจับคู่ทางธุรกิจเกิดขึ้นอย่างน้อย 10 ดีล ภายใน 3 ปี หากต้องการเงินทุน ทางธนาคารก็พร้อมให้การสนับสนุนจะช่วยผลักดันให้สตาร์ทอัพที่มีศักยภาพได้เติบโตต่อไปโดยไม่จำกัดแค่ในตลาดอาเซียน “นายยามาโตะ กล่าว
สำหรับงาน Japan-ASEAN Startup Business Matching Fair 2023 นับเป็นอีกวาระสำคัญที่กรุงศรีได้แสดงจุดยืนและคำมั่นสัญญาที่จะก้าวสู่การเป็นสถาบันการเงินไทยที่เป็นที่หนึ่งในใจลูกค้า พร้อมเชื่อมโยงความต้องการของลูกค้าทั่วทั้งภูมิภาคอาเซียน และสะท้อนถึงวิสัยทัศน์เชิงกลยุทธ์ทางธุรกิจของกรุงศรีเกี่ยวกับการสร้างเครือข่ายธุรกิจและความร่วมมืออันแข็งแกร่งในภูมิภาคอาเซียน (ASEAN-Linked Business) ส่งเสริมการดำเนินธุรกิจเพื่อความยั่งยืน (ESG-Linked Business) และพร้อมเดินหน้าสร้างสรรค์นวัตกรรมผลิตภัณฑ์และบริการดิจิทัล (Digital & Innovation) เพื่อประโยชน์ต่อลูกค้าทั้งในประเทศไทยและอาเซียน อนาคตที่ยั่งยืนสำหรับทุกคน