บล.กสิกรฯหวังสูงให้แนวต้าน 1,335 จับตาการเมือง-ฟันด์โฟลว์สัปดาห์หน้า

HoonSmart.com>>บล.กสิกรไทยมองแนวรับที่ 1,300 และ 1,290 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,325 และ 1,335 จุด  รอฟังประธานเฟดแถลงนโยบายการเงินรอบครึ่งปี-การเมืองไทย-ฟันด์โฟลว์-กำไรบจ.  ส่วนค่าเงินบาทธนาคารกสิกรไทยมองกรอบที่ระดับ  36.30-37.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ จากสัปดาห์ที่ผ่านมาพลิกกลับมาแข็งค่า 

บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทยมองหุ้นสัปดาห์ถัดไป (8-12 ก.ค.2567) ดัชนีหุ้นมีแนวรับที่ 1,300 และ 1,290 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,325 และ 1,335 จุด ตามลำดับ

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ การแถลงนโยบายการเงินรอบครึ่งปีของประธานเฟดต่อสภาคองเกรสสหรัฐฯ การทยอยประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/2567 ของบจ.ไทย ประเด็นการเมืองในประเทศและทิศทางเงินทุนต่างชาติ

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภคและดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนมิ.ย. รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ปัจจัยเศรษฐกิจต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภคและดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนมิ.ย.ของจีน รวมถึงผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ค.และดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนมิ.ย.ของญี่ปุ่น

ในวันศุกร์ที่ 5 ก.ค. 2567 ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,311.99 จุด เพิ่มขึ้น 0.85% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 31,665.77 ล้านบาท ลดลง 21.65% ส่วนดัชนี mai ลดลง 1.07% มาปิดที่ระดับ 351.66 จุด

ดัชนีหุ้นร่วงลงแรงในช่วงแรกจากความกังวลต่อประเด็นการเมืองในประเทศ แต่กลับมายืนเหนือ 1,300 จุดได้ในช่วงท้ายสัปดาห์

หุ้นเคลื่อนไหวในกรอบแคบท่ามกลางปริมาณการซื้อขายที่ค่อนข้างเบาบางในวันที่ 1 ก.ค. ซึ่งเป็นวันแรกที่มาตรการ Uptick rule มีผลบังคับใช้ ก่อนจะร่วงลงแรงและหลุด 1,300 จุดในเวลาต่อมา โดยมีปัจจัยลบจากความกังวลเกี่ยวกับประเด็นการเมือง  ส่งผลให้เกิดแรงขายหุ้นทุกกลุ่มอุตสาหกรรม นำโดยเทคโนโลยี ไฟแนนซ์และอสังหาริมทรัพย์

อย่างไรก็ดี หุ้นทยอยฟื้นตัวกลับมาอีกครั้งตั้งแต่ช่วงกลางสัปดาห์ ตามทิศทางหุ้นภูมิภาค หลังจากประธานเฟดระบุว่า มีความคืบหน้าในการทำให้เงินเฟ้อกลับเข้าสู่เป้าหมาย แม้จะยังคงย้ำว่าต้องการความมั่นใจมากกว่านี้ก่อนจะพิจารณาปรับลดดอกเบี้ย นอกจากนี้ตลาดหุ้นยังมีแรงหนุนจากแรงซื้อคืนในหุ้นหลายอุตสาหกรรม โดยเฉพาะกลุ่มแบงก์ก่อนการประกาศผลประกอบการงวดไตรมาส 2/2567 และรายงานข่าวความคืบหน้าของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ อนึ่งแรงขายสุทธิของนักลงทุนต่างชาติชะลอลงบางส่วนในสัปดาห์นี้

ส่วนค่าเงินบาทสัปดาห์ถัดไป (8-12 ก.ค.) ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวที่ระดับ 36.30-37.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ

เงินบาทอ่อนค่าลงในช่วงต้นสัปดาห์ตามทิศทางของเงินเยน เงินหยวน และสกุลเงินอื่นๆ ในภูมิภาค ขณะที่ เงินดอลลาร์ฯ ยังได้รับอานิสงส์จากการขยับขึ้นของบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ ตามกระแสการคาดการณ์ของตลาดถึงความเป็นไปได้ว่า อดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ มีโอกาสที่จะชนะการเลือกตั้งในเดือนพ.ย.นี้

อย่างไรก็ดี เงินบาทพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นตามทิศทางราคาทองคำในตลาดโลก ประกอบกับเงินดอลลาร์ฯ ขาดแรงหนุนตามการปรับตัวลงของบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ หลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาอ่อนแอกว่าที่ตลาดคาด (อาทิ ตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนและดัชนี ISM ภาคบริการเดือนมิ.ย. และข้อมูลจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์) ซึ่งทำให้ตลาดกลับมาเพิ่มโอกาสความเป็นไปได้ที่จะเห็นเฟดปรับลดดอกเบี้ยมากกว่า 1 ครั้งในปีนี้ นอกจากนี้ Sentiment ของเงินดอลลาร์ฯ ยังถูกดดันจากถ้อยแถลงของประธานเฟดที่ระบุว่า เฟดมีความคืบหน้ามากขึ้นในการทำให้เงินเฟ้อกลับเข้าสู่เป้าหมาย แม้จะต้องใช้เวลาอีกระยะที่จะทำให้มั่นใจมากขึ้นก็ตาม

ในวันศุกร์ที่ 5 ก.ค. 2567 เงินบาทปิดตลาดในประเทศที่ระดับ 36.58 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับ 36.70 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (28 มิ.ย. 67) สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 1-5 ก.ค. 2567 ขายสุทธิหุ้นไทย 845 ล้านบาท และมีสถานะเป็น Net Outflows ออกจากตลาดพันธบัตรไทย 10,633 ล้านบาท (ขายสุทธิพันธบัตรไทย 9,990 ล้านบาท และตราสารหนี้หมดอายุ 643 ล้านบาท)