HoonSmart.com>> ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เผยเศรษฐกิจเวียดนามไตรมาส 2/67 โต 6.9%YoY สูงเกินคาด แรงหนุนการลงทุนภาครัฐและใช้จ่ายในประเทศ ประเมินทั้งปีคาดเติบโต 6.2% จากเดิม 5.8% มองแนวโน้มยังเผชิญความเสี่ยงจากเศรษฐกิจโลก ปัญหาหนี้อสังหาฯ เงินดองอ่อนเงินเฟ้อสูง ด้านธนาคารกลางหาสมดุลใช้ดอกเบี้ย บรรเทาปัญหา
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เผยเศรษฐกิจเวียดนามไตรมาสที่ 2/2567 เติบโตอยู่ที่ระดับ 6.9%YoY สูงกว่า consensus ที่ 5.8% และสูงขึ้นจากไตรมาสที่ 1/2567 ที่ 5.9%YoY โดยมีปัจจัยหนุนจากการบริโภคภาคครัวเรือนและการลงทุนภาครัฐ แต่ก็มีปัจจัยฉุดจากการชะลอตัวของ FDI และการส่งออก
ทิศทางเศรษฐกิจเวียดนามในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 คาดว่าจะเติบโตชะลอลงจากครึ่งแรกที่เติบโต 6.42%YoY จากการส่งออกที่มีแนวโน้มชะลอลงจากปัจจัยฐานสูงของปีก่อน ประกอบกับมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนของสหรัฐต่อการส่งออกแพงโซลาร์ของเวียดนาม ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เดือน มิ.ย. ปีนี้ โดยเวียดนามพึ่งพาการส่งออกแผงโซลาร์คิดเป็นสัดส่วน 2.0% ของการส่งออกรวม ส่วนการบริโภคภาคครัวเรือนคาดว่ามีแนวโน้มเติบโตใกล้เคียงกับครึ่งแรกของปีจากปัจจัยหนุนที่รัฐบาลเวียดนามได้ขยายเวลาการลดภาษีมูลค่าเพิ่มมาเป็น 8% ต่อเนื่องไปจนถึงสิ้นปีนี้
ทั้งปี 2567 ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่าเศรษฐกิจเวียดนามมีแนวโน้มเติบโตดีกว่าคาดการณ์เดิมมาอยู่ที่ 6.2% จาก 5.8% จากตัวเลขเศรษฐกิจเวียดนามในไตรมาสที่ 2/2567 ที่ออกมาดีกว่าที่คาดค่อนข้างมาก รวมทั้งการลงทุนภาครัฐที่มีแนวโน้มเติบโตเร่งขึ้นหลังจากปัจจัยความไม่แน่นอนทางการเมืองเริ่มคลี่คลาย
อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจเวียดนามยังเผชิญปัจจัยเสี่ยงอยู่หลายปัจจัย ได้แก่
o สถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่มีความไม่แน่นอนสูง อันเป็นผลพวงจากเฟดคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับสูงนานกว่าที่คาด ซึ่งอาจส่งผลให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัวลง และส่งผลกระทบเชิงลบต่อการ
ฟื้นตัวของอุปสงค์สินค้าในตลาดโลก ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการฟื้นตัวของการส่งออกของเวียดนาม
o ปัญหาหนี้สินอสังหาริมทรัพย์ในเวียดนามที่ยังไม่คลี่คลายธนาคารกลางเวียดนามได้ขยายระยะเวลาของมาตรการช่วยเหลือและปรับโครงสร้างหนี้ออกไปจนถึง 31 ธ.ค. 2567 ซึ่งสะท้อนถึงความกังวลต่อการผิดนัดชำระหนี้ ในขณะที่สัดส่วน NPL ยังมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นจากหนี้เสียภาคอสังหาริมทรัพย์
ทั้งนี้ ปัญหาหนี้เสียได้ส่งผลให้ธนาคารเพิ่มความระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้นและส่งผลให้เกิดภาวะสินเชื่อตึงตัว
o ทิศทางการอ่อนค่าของเงินดอง ซึ่งเป็นผลพวงจากการที่เฟดคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับสูงนานกว่าที่คาด ประกอบกับปัจจัยพื้นฐานของภาคการเงินเวียดนามที่ยังมีความเปราะบาง โดยในช่วงปลายเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา ค่าเงินดองอ่อนค่าเป็นประวัติการณ์ ส่งผลให้ธนาคารกลางเวียดนามเข้าแทรกแซงตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ
อย่างไรก็ตาม คาดว่าการแทรกแซงค่าเงินจะสามารถทำได้เพียงในระยะสั้น เนื่องจากต้องคำนึงถึงระดับเงินทุนส ารองระหว่างประเทศที่เหมาะสมด้วย
o อัตราเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยในเดือน มิ.ย. อัตราเงินเฟ้อของเวียดนามอยู่ที่ระดับ 4.3%YoY ซึ่งใกล้กรอบบนของอัตราเงินเฟ้อเป้าหมาย 4.0-4.5%
ทั้งนี้ ธนาคารกลางเวียดนามกำลังเผชิญโจทย์ท้าทายในการหาสมดุลในการใช้อัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อแก้ปัญหาอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งอาจช่วยบรรเทาปัญหาเงินดองอ่อนค่า และปัญหาหนี้ภาคอสังหาริมทรัพย์และสินเชื่อตึงตัวในภาคการเงิน