หวังหุ้น Q3 ฟื้นจากหลุมลึก เชียร์ 16 หุ้นเด่น

HoonSmart.com> 4 โบรกเกอร์ลุ้นหุ้นฟื้น หลังไตรมาส 2 ร่วงแรง 5.59% Valuation ไม่แพง เทรด P/E 14 เท่า  ได้แรงหนุนจากมาตรการขับเคลื่อนตลาดทุนที่จะทยอยออกมา เริ่มใช้ Uptick Rule และรัฐเร่งเบิกจ่ายงบประมาณ  ปัจจัยเสี่ยงการเมืองจะมีความชัดเจนขึ้น คาดเฟดลดดอกเบี้ย 2 ครั้งปีนี้ ส่วนไทยไม่ลง มองกรอบดัชนีลงต่ำสุดทดสอบ 1,250  สูงสุด 1,400  แนะนำ 16 หุ้นเด่น CPALL, ADVANC, BH, COCOCO, SGC, TTB, KKP, BJC, BDMS, GULF, ERW, SIRI, SISB, MC, SCGP, PTTEP 

ตลาดหุ้นไทยในรอบ 6 เดือนแรกของปี 2567 ยังคงรั้งท้ายตลาดต่างประเทศต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ (SET) ปิดที่ระดับ 1,300.96 จุด ทรุดลง -8.11% เฉพาะไตรมาสที่ 2 ร่วงลง -5.59% เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิมากถึง 117,031.49 ล้านบาท แรงซื้อสุทธิส่วนใหญ่มาจากนักลงทุนไทย 113,804.81 ล้านบาท และสถาบันไทยซื้อสุทธิ 4,015.68 ล้านบาท ส่วนดัชนีหุ้นต่างๆ ก็ปรับตัวลงกันถ้วนหน้า โดยเฉพาะดัชนี SETESG  ดิ่งลงแรงมากที่สุด -10.19%

นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักกลยุทธ์การลงทุน บล.ลิเบอเรเตอร์ กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นในไตรมาส 3/2567  ดัชนี SET มีลุ้นฟื้นตัว คาดจะเคลื่อนไหว Sideway ถึง Sideway up หลังปรับตัวลงไปมากแล้ว มองไตรมาส 2 เป็นจุดต่ำสุดของปี ซึ่งไตรมาส 3 ภาครัฐฯพยายามที่จะใส่มาตรการต่าง ๆ เข้ามาช่วย อย่างใช้ Uptick Rule เริ่มมีผลวันที่  1 ก.ค.นี้ และข่าวดีจะค่อย ๆ ทยอยเข้ามาในเดือนก.ค. ทำให้ไตรมาส 3-4 ตลาดจะฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป ความเชื่อมั่นของนักลงทุนน่าจะค่อย ๆ เกิดขึ้น ด้านปัจจัยต่างประเทศในไตรมาส 3 ยังมีลุ้นนโยบายการเงินปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย โดยเฉพาะสหรัฐ ที่ Dot Plot ออกมามีโอกาสปรับลดดอกเบี้ย 1 ครั้งในปีนี้ แต่ตลาดเชื่อว่าจะปรับลดดอกเบี้ยถึง 2 ครั้ง

นอกจากนี้ ตลาดยังมีปัจจัยหนุนจาก Valuation ที่ไม่แพง เทรด P/E 14 เท่า เทียบกับ 10 ปีย้อนหลังเทรด P/E 16 เท่า แต่แรงขายนักลงทุนต่างชาติที่มีอย่างต่อเนื่องเป็นความเสี่ยงของตลาด

“ตอนนี้ตลาดยังไม่มีปัจจัยบวกจริง แต่ก็ได้ซึมซับปัจจัยลบไปมากแล้ว น่าจะหา Bottom แล้ว และ Downside ตลาดก็ไม่เยอะ ซึ่งนักลงทุนกลุ่มกองทุนที่เล่นระยะกลาง และนักลงทุน VI น่าจะหาหุ้นซื้อบ้างแล้ว”

นอกจากนี้ในไตรมาส 3 เป็นช่วงที่งบฯไตรมาส 2 ประกาศออกมา ซึ่งน่าสนใจลงทุนหุ้นที่งบฯไตรมาส 2 ออกมาดี และยังดีต่อเนื่องในครึ่งหลังปี 2567 โดยหุ้นขนาดใหญ่มองกลุ่มค้าปลีก แนะนำ CPALL ราคาเป้าหมาย 72 บาท มองราคาลงลึกมากแล้ว ครึ่งปีหลังจะค่อย ๆ ฟื้นตัวตามฤดูกาล, กลุ่มสื่อสาร แนะนำ ADVANC ราคาเป้าหมาย 260 บาท คาด ARPU จะค่อย ๆ ขยับขึ้น กลุ่มการแพทย์ก็น่าสนใจ ในไตรมาส 3 เป็นช่วงฤดูฝน แนะนำ BH ราคาเป้าหมาย 290 บาท จากผู้ป่วยต่างชาติเพิ่มขึ้น

ส่วนหุ้นขนาดเล็ก แนะนำ COCOCO ราคาเป้าหมาย 16.30 บาท ผลดำเนินงานทั้งปี 2567 มีโอกาสทำ New High จากการส่งออกมากขึ้น และยังมีลุ้นกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนด้วย  หุ้น SGC ราคาเป้าหมาย 3 บาท มอง Turnaround หลังมีโครงการเปิดใช้ Lock Phone และปี 2568 จะเป็นปีที่ปล่อยสินเชื่อก้าวกระโดด

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล, CISA ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า  หุ้นไทยในช่วงไตรมาส 3 จะยังผันผวนอยู่ จากปัจจัยการเมืองที่ต้องรอการปลดล็อก หากแก้ได้จะเป็นผลดีต่อตลาด โดยมองว่าเศรษฐกิจไทยจะทยอยดีขึ้น และมาตการขับเคลื่อนตลาดทุนเริ่มทยอยออกมาใช้ จะเป็นแรงหนุนให้กับตลาดได้ แม้ว่าจะยังต้องติดตามการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด รวมถึงการเลือกตั้งของสหรัฐฯด้วย อย่างไรก็ดี เชื่อว่าทิศทางตลาดฯจะดีในช่วงปลายไตรมาส 3 จากภาพการเมืองที่มีความชัดเจนขึ้น

“ไตรมาส 3 กรอบดัชนีฯน่าจะอยู่ที่ 1,250-1,350 จุด หุ้นในกลุ่มส่งออก และกลุ่มโรงพยาบาลน่าลงทุน ส่วนหุ้นเด่นมี 10 ตัว ได้แก่ หุ้น TTB, KKP, CPALL, BJC, BDMS, GULF, ERW, SIRI, SISB และ MC”นายอภิชาติกล่าว

นายเบญจพล สุทธิ์วนิช ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) มองหุ้นไตรมาส 3 แกว่ง Sideway ถึง Sideway up ในกรอบ 1,330-1,375 จุด ได้ปัจจัยบวกจากมาตรการขับเคลื่อนตลาดทุน ที่น่าจะสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนได้ โดยเฉพาะการใช้ Uptick Rule จะช่วยจำกัด Downside ตลาด ส่วนผลประกอบการไตรมาาส 3 คาดว่าจะฟื้นตัวขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มพลังงาน

“ควรจะติดตามนักลงทุนต่างชาติจะกลับมาซื้อหุ้นได้หรือยัง ถ้าไม่มาก็เท่านั้น แต่เชื่อว่าแถว 1,300 จุด น่าจะรับอยู่ได้ แต่จะไปต่อต้องดูว่าจะมาจากอะไร  มาตรการขับเคลื่อนตลาดทุนนักลงทุนต่างชาติไม่ค่อยสนใจ แต่ต่างชาติต้องเชื่อมั่นเศรษฐกิจไทย เม็ดเงินถึงจะเข้ามา”

สำหรับหุ้นที่แนะนำให้ลงทุนในไตรมาส 3  ได้แก่ SCGP ราคาเป้าหมาย 38 บาท มองครึ่งปีหลังเป็นช่วง High Season ของธุรกิจ และ PTTEP ราคาเป้าหมาย 200 บาท มองราคาน้ำมันเป็นบวก

นายพงศ์ภัทร สิริพิพัฒน์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) กล่าวว่า  ไตรมาส 3 ตลาดมีแนวโน้มที่จะทยอยดีขึ้น จากงบประมาณที่เริ่มเบิกออกมาใช้จ่ายให้เร็วที่สุด และปัจจัยการเมืองที่ Overhang อยู่ น่าจะมีความชัดเจนขึ้น คนส่วนใหญ่มองว่านายกรัฐมนตรีน่าจะรอดจากเรื่องแต่งตั้งนาย พิชิต ชื่่นบาน อย่างไรก็ดี ปัจจัยการเมืองก็ยังเป็นความเสี่ยงของตลาด ถ้ารัฐบาลมีความไม่แน่นอน รวมถึงให้ติดตามการเลือกตั้งของสหรํฐที่จะมีขึ้นในไตรมาส 4

“ไตรมาส 3 อาจเป็นช่วงที่กำลังหาจุดต่ำสุด หรือเป็น Bottom และจะมีแรงซื้อหลังจากนั้น ถ้าปัจจัยการเมืองไม่จบ จะมีอีก 1 Low ส่วนกรอบไตรมาส 3 ให้แนวรับ 1,255-1,280 จุด ส่วนแนวต้าน 1,340-1,360 ถัดไป 1,390-1,400 จุด”

หุ้นที่น่าสนใจลงทุนเป็นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการใช้จ่ายของภาครัฐ  เช่น รับเหมาก่อสร้าง เป็นต้น และหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการปรับลดดอกเบี้ยของสหรัฐ  ส่วนกนง. ไม่น่าจะปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลง