“บลจ.อเบอร์ดีน” มองหุ้นเอเชียโดดเด่น เก็บ “หุ้นไทย”คาดกำไรบจ.โต 10%

HoonSmart.com>> บลจ.อเบอร์ดีน ชู “ตลาดหุ้นเอเชีย” ปีนี้น่าสนใจ แรงหนุนจากกำไรบริษัทจดทะเบียนคาดเติบโต 15-17% จาก 2 ปีก่อนติดลบ ด้านราคาหุ้นถูกกว่าตลาดหุ้นสหรัฐ 35-40% แนะจัดพอร์ตกระจายลงทุน มองบวกตลาดหุ้นอินเดีย เชื่อรัฐบาลเดินหน้านโยบายได้ต่อเนื่อง ตลาดหุ้นจีน โฟกัสหุ้นรายตัวพื้นฐานดี กำไรเติบโตยั่งยืน ส่วน “หุ้นไทย” คาดกำไรบริษัทจดทะเบียนเติบโต 10% ราคาหุ้นน่าสนใจ กองทุนเลือกซื้อหุ้นเข้าพอร์ต

นางสาวพฤกษา เอี่ยมธงทอง Deputy Head of Equities – Asia Pacific, Asian Equities บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) อเบอร์ดีน (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า อเบอร์ดีนมองแนวโน้มตลาดหุ้นเอเชียในปีนี้น่าสนใจ จากปัจจัยสนับสนุนหลักจากกำไรของบริษัทจดทะเบียนในตลาด (Earning growth) ที่คาดว่าจะเติบโต 15-17% ในปีนี้ จาก 2 ปีที่ผ่านมาติดลบ ขณะที่ราคาหุ้นถูกกว่าตลาดหุ้นสหรัฐ 35-40% รวมทั้งการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งคาดว่าจะลด 1 ครั้งในปีนี้ คาดว่าจะดึงเงินไหลเข้าเอเชียได้ จึงมองเป็นโอกาสลงทุน

“ปัจจัยพื้นฐานของตลาดหุ้นเอเชียมีแรงหนุนจากการเติบโตของกำไรบริษัท และภาคการบริโภคก็เป็นปัจจัยผลักดันภูมิภาคในระยะยาว ซึ่งปีนี้คาดกำไรบริษัทในตลาดหุ้นจีนจะเติบโต 12-15% ส่วนไทยคาดกำไรเติบโต 10% ซึ่งไม่ถือว่าแย่ ส่วนตลาดอินเดีย คาดกำไรยังเติบโตได้ต่อเนื่อง แม้ราคาหุ้นอินเดียจะค่อนข้างแพง แต่แพงอย่างมีเหตุผล และหลังการเลือกตั้งจบลงแม้โมดิจะได้ไม่ได้บริหารพรรคเดียว แต่ล่าสุดพรรคร่วมรัฐบาลก็เพิ่มความเชื่อมั่นและน่าจะดำเนินนโยบายได้อย่างต่อเนื่อง จึงยังมองบวกหุ้นอินเดีย ส่วนไต้หวันและเกาหลีใต้ ที่มีซัพพลายเชน AI เทคโนโลยีจึงเห็นการเติบโตแข็งแกร่งและคาดว่าครึ่งปีหลังบริษัทนอกกลุ่ม AI จะกลับมาหลังจากซบเซามา 2 ปี” นางสาวพฤกษา กล่าว

สำหรับพอร์ตการลงทุนของกองทุนเปิด อเบอร์ดีน เอเชีย แปซิฟิค เอคควิตี้ ฟันด์ (ABAPAC) ซึ่งมีนโยบายลงทุนในตลาดหุ้นเอเชีย-แปซิฟิค ยกเว้นญี่ปุ่น มีปัจจุบันน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นจีนน้อยกว่าดัชนี MSCI AC Asia-Pacific ex Japan ซึ่งเป็นดัชนีอ้างอิง (Benchmark) แม้ราคาหุ้นจีนถูก แต่ยังกังวลปัญหาด้านอสังหาริมทรัพย์ ต้องรอการประชุมใหญ่ในเดือนก.ค. หากมีสัญญาณที่ดีอาจเพิ่มน้ำหนักลงทุนหุ้นจีนมากขึ้น ซึ่งปีที่ผ่านมาได้ปรับพอร์ตลงทุนเน้นหุ้นรายตัวได้ผลบวกจากการบริโภคและมีความสามารถในการสร้างกำไร มีปัจจัยพื้นฐานดี

นอกจากนี้ปีที่ผ่านมากองทุน ABAPAC ก็ได้ปรับพอร์ตลงทุนหุ้นไทยลงไปบ้างเมื่อเทียบดัชนีอ้างอิง ในปีนี้ได้ปรับเพิ่มน้ำหนักลงทุนหุ้นไทยเพิ่มขึ้น เนื่องจากหุ้นหลายตัวที่มีปัจจัยพื้นฐานดีมีราคาค่อนข้างถูกและน่าสนใจ เช่น หุ้นในกลุ่มท่องเที่ยวและสื่อสารบางตัว ขณะเดียวกันคาดการณ์กำไรของหุ้นในพอร์ตกองทุน ABAPAC เติบโต 12-15% ในปีนี้

ปัจจุบันกองทุน ABAPAC กระจายลงทุนในตลาดหุ้นจีน 20% ตลาดหุ้นอินเดีย 19-20% ตลาดหุ้นออสเตรเลีย 8-10% ตลาดหุ้นไต้หวันและเกาหลีใต้ประมาณ 20% ที่เหลือกระจายลงทุนในตลาดอื่นๆ

นางสาวพฤกษา กล่าวอีกว่า สำหรับภาพรวมฟันด์โฟลว์ในปีนี้เงินยังไหลออกจากตลาดหุ้นเอเชีย แต่ในบางตลาดอย่างไต้หวัน เกาหลีใต้ ซึ่งมีธีมเทคโนโลยีชัดเจน, ตลาดหุ้นจีน ซึ่งนักลงทุนคาดว่าจะเริ่มฟื้นตัวและตลาดหุ้นอินเดียที่มีแนวโน้มเติบโตได้ต่อเนื่องจากปัจจัยพื้นฐานที่ยังแข็งแกร่ง กำไรบริษัทจดทะเบียนเติบโต ทำให้เงินยังไหลเข้า ส่วนตลาดหุ้นอื่นๆ ที่เหลืออาจไม่มีภาพชัดเจน จึงต้องรอให้เฟดปรับลดดอกเบี้ยลงในปีนี้ ทำให้สินทรัพย์ที่ไม่ใช่ดอลลาร์สหรัฐจะปรับตัวขึ้น รวมถึงตลาดหุ้นเอเชีย แต่ยังต้องติดตามการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐช่วงเดือนพ.ย.นี้ด้วย

สำหรับตลาดหุ้นสหรัฐในปีนี้มองยังเติบโตได้ต่อ แต่ไม่แน่ใจว่าหลังจากเฟดปรับลดดอกเบี้ยลงที่คาดว่าเกิดขึ้นช่วงปลายปีนี้จำนวน 1 ครั้ง จากต้นปีคาดการณ์จะลดถึง 3 ครั้งนั้น เงินจะไหลเข้าตลาดหุ้นเอเชียเร็วแค่ไหน แต่ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้หลายประเทศในเอเชียยังไม่ปรับลดอกเบี้ย เพราะกังวลเรื่องค่าเงิน เช่นเดียวกับไทยที่ต้องรอเฟด