“กรณ์ จาติกวณิช” มองหุ้นไทยไม่น่าลงทุน ปัญหาโครงสร้างศก. กำไรบจ.ไม่โต

HoonSmart.com>> “กรณ์ จาติกวณิช” มองตลาดหุ้นไทยไม่น่าลงทุน ปัญหาโครงสร้างเศรษฐกิจ กำไรบจ.ไม่โต มองโอกาสลงทุนต่างประเทศมีมาก หวังรัฐมีมาตรการระยะยาวปรับโครงสร้างเศรษฐกิจไทยชัดเจน ดึงฟันด์โฟลว์ไหลกลับ ชูโมเดลญี่ปุ่นฟื้นตลาดหุ้น

กรณ์ จาติกวณิช

นายกรณ์ จาติกวณิช ประธานกรรมการและกรรมการอิสระ บริษัท ฟินโนมีนา (Finnomena) และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงตลาดหุ้นไทยในมุมมองส่วนตัวว่า ตลาดหุ้นไทยยังไม่น่าสนใจ เนื่องจากปัญหาโครงสร้างเศรษฐกิจไทยยังไม่ได้รับการแก้ไข อุตสาหกรรมเดิมๆ ของไทยที่ตกยุคต้องหาอุตสาหกรรมใหม่ๆมาทดแทน เพิ่มคุณภาพบริษัทจดทะบียน เป็นต้น ซึ่งหากมีสัญญาณชัดเจนและนโยบายรัฐบาลตอบโจทย์ในระยะยาว เข้ามาแก้ไขปัญหาและนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างเศรษฐกิจไทย ทำให้นักลงทุนต่างชาติมั่นใจในการปรับโครงสร้างที่เหมาะสมต่อประเทศในปัจจุบัน ก็จะดึงเม็ดเงินลงทุนต่างชาติกลับมาได้จากขายหุ้นไทยออกไป 1 ล้านล้านบาท

อย่างไรก็ตามหากมาตรการรัฐที่ออกมาเป็นมาตรการระยะสั้นทั่วไปก็อาจทำให้คึกคักเพียงวันสองวัน

“ตลาดหุ้นไทยจะฟื้นกลับมาได้ กำไรบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ต้องดี ซึ่งย้อนดูที่ผ่านมากำไรไม่ได้เติบโตมานานแล้ว เนื่องจากเศรษฐกิจไทยเติบโตในอัตราที่ต่ำ ทำให้บริษัทที่ค้าขายในประเทศไทยเป็นหลัก กำไรบจ.ก็โตได้ยาก ดังนั้นเศรษฐกิจไทยต้องดีด้วย ซึ่งต้องรอดูสัญญาณว่าเศรษฐกิจจะดีขึ้น กำไรบจ.ดีขึ้น ทำให้เราหันกลับมาให้ความสนใจในตลาดหุ้นไทย ขณะที่ปัจจุบันโอกาสในการลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศมีมากกว่าตลาดหุ้นไทยและมีสินทรัพย์หลากหลายประเภท ซึ่งส่วนตัวยังคาดหวังว่า จะลาหรือถอยจากการลงทุนในตลาดหุ้นไทยเพียงชั่วคราวเท่านั้น “นายกรณ์ กล่าว

พร้อมกับมองว่าการฟื้นตัวของตลาดหุ้นไทยนั้น ทุกอย่างมีราคาที่เหมาะสม เวลาบอกของแพงของถูกอยู่ที่คุณภาพสินค้าและราคา เวลาคนเริ่มพูดเหมือนกันหมด ทำให้มองว่าถึงเวลาที่จะกลับไปอีกทางหนึ่งหรือยัง ซึ่งปีก่อนคนบอกหุ้นไทยไม่มีอนาคต อาจมีเสียงบางเสียง แต่ตอนนี้ทุกคนพูดเหมือนกันหมด ขณะที่การซื้อขาย ถ้าทุกคนพูดแบบนั้นและขายหุ้นหมดแล้ว ก็จะมีทางเดียว คือ ขึ้น แต่ใครจะเป็นผู้กล้า ซื้อ ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทย 1 ล้านล้านบาท ใน 10 ปีที่ผ่านมา เราก็ต้องรอวันที่ต่างชาติจะกลับมา

อย่างไรก็ตามในบางประเทศตลาดหุ้นซึมมานาน ก็ต้องมีมาตรการภาครัฐสนับสนุนและทำจริง เช่น ญี่ปุ่น นโยบายการเงินที่ผ่านมา ทำให้หลุดจากยุคเงินฝืดได้และมีการปรับทัศนคติผู้บริหารบจ.ในเชิงระบบ จากเดิมมีวัฒนธรรมการบริหารเพื่อผู้ถือหุ้นใหญ่ ก็ปรับเปลี่ยนเป็นบริหารอย่างไรให้ผู้ถือหุ้นรายย่อยได้ผลตอบแทนที่สูงขึ้น อะไรที่ไม่เกี่ยวกับธุรกิจก็ขายออก ในช่วงแรกมาตรการกระตุ้นตลาดก็ยังไม่ชัดเจน แต่เมื่อทำมาต่อเนื่อง จนในที่สุดนักลงทุนต่างชาติเริ่มเชื่อมั่น กองทุนขนาดใหญ่ก็เริ่มกลับเข้ามาลงทุนทำให้ตลาดหุ้นญี่ปุ่นค่อยๆ ฟื้นตัว จึงมองตลาดหุ้นไทยก็ต้องทำให้ชัดเจนและต่อเนื่องเช่นกัน

นายกรณ์ มองประเด็นการทำชอร์ตเซลและอื่นๆ มีผลต่อบรรยากาศและความเชื่อมั่นในระดับหนึ่งของนักลงทุนกลุ่มหนึ่ง แต่ไม่ใช่ประเด็นของนักลงทุนกลุ่มใหญ่ ที่มีประเด็นที่มองเรื่องเศรษฐกิจ เมื่อผสมรวมกันก็ส่งผลต่อบรรยากาศการลงทุน ทุกอย่างสำคัญหมด แต่มีเรื่องสำคัญหลายเรื่องที่ไม่มีความชัดเจนจะแก้ไข

พร้อมกล่าวถึงนายอัสสเดช คงสิริ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯคนใหม่ว่า เป็นคนที่มีความสามารถ แต่อย่าไปคาดหวังหรือวัดจากดัชนีหุ้น เพราะผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์จะดูแลเรื่องระบบการซื้อขายให้ทันสมัย โปร่งใส มีเสถียรภาพ มีหน้าที่สรรหาสินค้าในตลาดที่มีคุณภาพ ซึ่งไม่ได้ดูที่หุ้นขึ้นหรือลง