LEO ส่งซิกส่งออกนำเข้า-ค่าระวางเริ่มฟื้น Q2/66 จ่อรับรู้รายได้ขนส่งไปจีน

HoonSmart.com>> “ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์” (LEO) ส่งซิกการส่งออกนำเข้าและอัตราค่าระวางเริ่มพลิกฟื้น คาดผลงานไตรมาส 2/66 เติบโตมากขึ้นจากไตรมาสก่อน รับรู้รายได้ขนส่งสินค้าทางราง-การจัดหาและขายผลไม้ไปยังจีน เดินหน้าลงทุนใน Cold Chain Logistics Center อัจฉริยะที่ท่าเรือสหไทย (PORT) มูลค่าการลงทุน 232 ล้านบาท คาดสร้างรายได้อย่างน้อย 800 ล้านบาทตลอดโครงการ ร่วมทั้งรับรู้จากโครงการ JV และ M&A ของธุรกิจใหม่ที่จะเกิดขึ้นเร็วๆนี้

นายเกตติวิทย์ สิทธิสุนทรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ (LEO) เปิดเผยว่า ไตรมาส1/2566 บริษัทมีรายได้รวม 332.3 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 19.0 ล้านบาท เติบโตขึ้นจากไตรมาส 4/65 คิดเป็น 153% โดยรายได้ที่ลดลงในช่วงที่ผ่านมาเนื่องจากบริษัทฯได้รับผลกระทบจากการปรับตัวลดลงของอัตราค่าขนส่งทั้งทางเรือและทางอากาศทั่วโลกมากกว่า 10 เท่าจากช่วงปี 2565 รวมถึงสภาวะเศรษฐกิจที่ชะงักงันของการการส่งออกและนำเข้าทั่วโลก ที่ได้รับผลกระทบจากสงครามรัสเซีย ยูเครน และสภาวะเงินเฟ้อทั่วโลกจากอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น ทำให้กำลังซื้อของผู้บริโภคลดลงเป็นอย่างมาก

ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2566 บริษัทมีฯ อัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 33% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 4/2565 และ ไตรมาส 1/2565 ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 26% และ 15% ตามลำดับ แสดงให้เห็นว่าบริษัทฯยังคงมีความสามารถและประสบความสำเร็จในการบริหารจัดการเชิงกลยุทธ์ ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวเพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง

“ในปีนี้บริษัทฯ มั่นใจว่าจะยังคงรักษาระดับการทำกำไรขั้นต้น และผลประกอบการให้เหมาะสมอย่างต่อเนื่อง โดยเชื่อว่าอัตราค่าระวางและตัวเลขการนำเข้าและส่งออกของประเทศไทยได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในช่วงไตรมาสที่ 1/2566 ที่ผ่านมา และบริษัทได้เริ่มเห็นการปรับตัวขึ้นของค่าระวาง และการเติบโตของตัวเลขการส่งออกอย่างมีนัยสำคัญในช่วงปลายเดือนเมษายน และบริษัทจะเริ่มรับรู้รายได้จากการขนส่งสินค้าทางราง และ การจัดหาและขายสินค้าผลไม้ไปยังประเทศจีนผ่านบริษัท ลีโอ ซอร์สซิ่ง แอนด์ ซัพพลายเชน จำกัด (LSSC) รวมถึงรับรู้รายได้ และกำไรจากโครงการ JV และ M&A ใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นในปี 2566 นับตั้งแต่ไตรมาส 2 และ 3 เป็นต้นไป เพื่อสร้างการเติบโตทางรายได้และผลประกอบการของธุรกิจให้แข็งแกร่งและเติบโตต่อเนื่อง” นายเกตติวิทย์ กล่าว

นอกจากนี้ วันที่ 12 พฤษภาคม 2566 ที่ผ่านมา ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) มีมติอนุมัติให้บริษัทฯ เข้าลงทุนในโครงการ Intelligent Cold Chain Logistics Center ที่ท่าเรือสหไทย (Sahathai Terminal หรือ PORT) โดยมูลค่าการลงทุนรวม 232 ล้านบาท ประกอบด้วยค่าเช่าทรัพย์สินตลอดอายุสัญญารวม 72 ล้านบาท และเงินลงทุนในการพัฒนาโครงการจำนวน 160 ล้านบาท

การลงทุนของ LEO ในโครงการ Intelligent Cold Chain Logistics Center ที่ท่าเรือสหไทยนี้ เป็นการพัฒนาและต่อยอดในการขยายธุรกิจ Cold Chain Warehouse และ Integrated Logistics Services ของบริษัทฯ โดยคลังสินค้าควบคุมอุณหภูมินี้จะใช้ระบบ Automation และ Robot ซึ่งเป็นระบบอัจฉริยะ เข้ามาช่วยตอบโจทย์ในเรื่องของการลดต้นทุนเรื่องการหาบุคคลากรในระดับแรงงานที่นับวันก็จะยิ่งหายาก และยังทำให้บริษัทฯ สามารถให้บริการที่รวดเร็วและมีความแม่นยำและสนองตอบความต้องการของลูกค้า

อีกหนึ่งจุดเด่นของ Intelligent Cold Chain Logistics Center ของ LEO แห่งนี้ก็คือที่ตั้งของโครงการได้รับการอนุมัติจากทางกรมศุลกากรให้เป็นคลังสินค้าทัณฑ์บน (Bonded Warehouse) ทำให้ลูกค้าที่มาใช้บริการสามารถได้รับสิทธิประโยชน์ในเรื่องภาษีนำเข้าของการใช้คลังสินค้าทัณฑ์บนทุกประการ และยังเป็น Bonded Cold Chain Logistics Center ที่ตั้งอยู่ใกล้บริเวณ CBD ของกรุงเทพมหานครมากที่สุด จึงจะเป็นจุดแข็งที่สำคัญของโครงการนี้ในการให้บริการกับผู้นำเข้าสินค้าที่เป็นสินค้าแช่แข็งและควบคุมอุณหภูมิทุกประเภท ในการนำเข้าสินค้ามาเพื่อจัดเก็บและกระจายสินค้าให้กับซุปเปอร์มาร์เก็ตโรงแรม และร้านอาหารต่างๆในกรุงเทพและปริมณฑล

นอกจากนี้บริษัทฯยังมีโครงการ JV กับ บริษัท เบาไทย อินเด็กซ์ แอสโซซิเอท จำกัด และ บริษัท ศรีตรังโลจิสติกส์ จำกัด ที่เป็นตัวแทนอย่างเป็นทางการของทางการรถไฟจีนในการทำการตลาดการขนส่งทางรางไทย-จีนภายใต้ บริษัท LaneXang Express Company Limited และธุรกิจอื่นๆ ที่จะทยอยเกิดขึ้นในปี 2566 นี้ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการเติบโตทั้งในด้านธุรกิจและรายได้อย่างก้าวกระโดดในอีก 2-3 ปีข้างหน้า