NEX ฟื้น เป้าใหม่ 1.23-2.60 บาท หลังเพิ่มทุนใช้ลดหนี้-ขยายธุรกิจ

HoonSmart.com>>หุ้น”เน็กซ์ พอยท์” (NEX ) ราคาดีดกลับ นักวิเคราะห์บัวหลวง ตีมูลค่าเหมาะสม 1.23 บาท บนสมมุติฐานเพิ่มทุนเต็มจำนวน กระทบต่อ EPS dilution 81 % ส่วนบล.บียอนด์  คงแนะนำ”ซื้อ”หลังราคาหุ้นร่วง 77% เหลือ 2.02 บาท ต่ำกว่าเป้าหมายใหม่ที่ให้ 2.60 บาท ปรับลดประมาณการกำไรปี 67-69 ลง ระดมทุนก้อนโตเพื่อขยายการลงทุนสร้างการเติบโตและลดหนี้

วันที่ 11 มิ.ย.2567 หุ้นบริษัท เน็กซ์ พอยท์ (NEX ) ราคาเริ่มฟื้น หลังจากร่วงลงไปต่ำสุดที่ 2 บาท และดีดขึ้นสูงสุดที่ 2.24 บาท ปิดที่ 2.36 บาท +0.34 บาท หรือ 16.83% ซื้อขายหนาแน่น 436.83 ล้านหุ้น มูลค่าซื้อขาย 973.49 ล้านบาท

การขึ้นของหุ้น NEX ส่งผลจิตวิทยาต่อหุ้นในกลุ่ม เช่น พลังงานบริสุทธิ์ (EA) ปรับตัวขึ้นสูงสุด 22 บาท ปิดที่ 21.10 บาท +1.10 บาท หรือ 5.50% มูลค่าซื้อขาย 1,596.26 ล้านบาท

หุ้น BYD (บล.บียอนด์ ) มีแรงซื้อเก็งกำไร หลังบริษัทเพิ่มทุนจบ ผู้ถือหุ้นหลักเพิ่มทุนครบ ราคาสูงสุดของวัน 2.20 บาท ต่ำสุด 1.77 บาท ปิด 2.04 บาท +0.27 บาท หรือ 15.25% จำนวนหุ้นซื้อขาย 78.77 ล้านหุ้น มูลค่าซื้อขาย 154.27 ล้านบาท

หุ้น NEX ดิ่งลงแรง 27% วันก่อน ตกใจบริษัทประกาศเพิ่มทุนครั้งใหญ่ โดยบล.บัวหลวง ระบุว่า NEX แจ้งการเพิ่มทุน และออกใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้น หรือวอร์แรนต์ หากอิงสมมติฐานการใช้สิทธ์เต็มจำนวน เบื้องต้น ฝ่ายวิจัยประเมินเงินที่ได้รับเข้ามาจากการขายหุ้นเพิ่มทุนขายให้นักลงทุนเฉพาะเจาะจง( PP), ผู้ถือหุ้นเดิมรอบที่ 1 (RO1)และ รอบที่ 2 (RO2) ที่ 8,575 ล้านบาท  คิดเป็นราคาหุ้นจากผลกระทบของ Price dilution ราว 40% ของจำนวนหุ้นที่เพิ่มขึ้นจะกระทบต่อ EPS dilution 81 %

เงินที่บริษัทได้มา ( ไม่รวมวอร์แรนต์ ) หากอิงผลตอบแทนดอกเบี้ยที่ 3% จะคิดเป็นกำไรส่วนเพิ่มราว 250 ล้านบาท/ปี

ฝ่ายวิจัย ประเมินราคาเป้าหมายเบื้องต้น หลังการออกหุ้นเพิ่มทุนที่  1.23 บาท/หุ้นอิง PER 15.5 เท่า มองว่าระยะสั้น ราคาหุ้นน่าจะถูกกดดันจากประเด็นดังกล่าวไปอีกราว 1-2 เดือน ก่อนการประชุมผู้ถือหุ้น

บล.บียอนด์ (BYD) คงคำแนะนำ”ซื้อ” หุ้น NEX แต่ปรับลดราคาเป้าหมายจาก 17.80 บาท เป็น 2.60 บาท โดย 1) ลด P/E สำหรับธุรกิจบำรุงรักษา จาก 15 เท่า เป็น 10 เท่า และ NEX Express จาก 10 เท่า เป็น 5 เท่า 2) EPS Dilution จากการเพิ่มทุน 437% (+หุ้นใหม่ 8.84 พันล้านหุ้น) และ 3) ปรับลดประมาณการกำไรสุทธิลง 33-43% ในปี 2567-2569 จากปริมาณการขาย e-bus และ e-truck ที่ลดลง

“คาดบริษัทฯจะมีกำไรสุทธิปีนี้อยู่ที่ 886 บาท เพิ่มขึ้น 161 ล้านบาทหรือ 22% จากปีก่อนที่ 725 ล้านบาท ส่วนปีหน้ามีกำไรสุทธิ  883 ล้านบาทและปี 2569 อยู่ที่ 916 ล้านบาท โดยมีกำไรต่อหุ้นเพียง 0.08 บาทในช่วง 3 ปีข้างหน้า(2567-2569)  เทียบกับ 0.43 บาทต่อหุ้นในปี 2566”

ส่วนราคาหุ้น NEX ลดลงถึง 77% จาก 8.75 บาท เมื่อวันที่ 10 พ.ค. 2567 เหลือ 2.02 บาท ในวันที่ 10 มิ.ย. 2567 โดยได้รับแรงหนุนจากกำไรสุทธิไตรมาส 1/2567 ที่น่าผิดหวังอย่างมากที่ 49 ล้านบาท ตามมาด้วยนักลงทุนเทขายออกไป บังคับให้ขายหุ้นที่มีมาร์จิ้นหนุนหลัง และธุรกรรมการขายชอร์ตจำนวนมากเพื่อเอาเปรียบราคาหุ้นของ NEX ที่ดิ่งลงในอีกสองเดือนข้างหน้า คาดว่า NEX จะประกาศกิจกรรมต่างๆ ที่จะเสริมสร้างพื้นฐานอย่างมีนัยสำคัญในด้านการเติบโตของรายได้และการมองเห็น ซึ่งรวมถึง 1) บริษัทร่วมทุนที่จะลงทุนในโรงงานผลิต EV แห่งใหม่เพื่อผลิต EV จำนวน 30,000 คันต่อปีให้กับแบรนด์ EV ชั้นนำ  2) สัญญาการขายใหม่หลายฉบับสำหรับ EV จำนวน 2,000-3,000 คันให้กับโลจิสติกส์ อาหารและเครื่องดื่ม และหน่วยงานราชการและเทศบาล

สำหรับเงินจากการเพิ่มทุน นำไปใช้รองรับการเติบโตและลดหนี้ โดยเข้าใจดีว่าการเพิ่มทุนของ NEX จะตอบสนองวัตถุประสงค์ 3 ด้าน คือ 1) หุ้น 450 ล้านหุ้นให้กับเจ้าของผ่านทาง PP (หุ้น 75 ล้านหุ้น) และใบสำคัญแสดงสิทธิ (หุ้น 375 ล้านหุ้น) เพื่อระดมทุน 1,147 ล้านบาทสำหรับการขยายสินเชื่อธุรกิจ 2) ลงทุนในโรงงานผลิต EV แห่งใหม่ซึ่งมีกำลังการผลิต 30,000 คันต่อปีด้วยงบประมาณ 300-400 ล้านหยวน (1.7b-2.0b บาท ผ่าน RO-1 ด้วยทุนจดทะเบียน 2.1b บาท) เพื่อรองรับคำสั่งซื้อใหม่ในฐานะผู้ผลิตอุปกรณ์ดั้งเดิม ( OEM); และ 3) ชำระหนี้ผู้ให้กู้ระยะลูกหนี้การค้า 3 เดือนผ่าน RO-2 (เพิ่มทุน 6,300 ล้านบาท)

*****************************************************************************************************************