ดาวโจนส์ปิดลบ 115 จุด วิตกเศรษฐกิจชะลอตัว

HoonSmart.com>> ดัชนีดาวโจนส์ปิดร่วง 115 จุด ท่ามกลางการซื้อขายผันผวน จากเหตุขัดข้องทางเทคนิคในช่วงสั้นๆ การซื้อขายหุ้นหลายบริษัทต้องหยุดชะงัก ด้านข้อมูลภาคการผลิตของสหรัฐฯ อ่อนแอ สร้างความกังวลความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจโดยรวม ด้าน “ราคาน้ำมันดิบ WTI” ลดลง 2.77 ดอลลาร์ ร่วงแรง 3.6% ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดบวก

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 3 มิถุนายน 2567 ปิดที่ 38,571.03 จุด ลดลง 115.29 จุด หรือ -0.30% ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน และเหตุขัดข้องทางเทคนิคในช่วงสั้นๆ ที่ทำให้การซื้อขายหุ้นหลายสิบตัวต้องหยุดชะงัก ขณะที่ข้อมูลภาคการผลิตของสหรัฐฯ ที่อ่อนแอทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจโดยรวม ภาคธนาคาร ภาคอุตสาหกรรม และหุ้นอื่นๆ ที่ขึ้นอยู่กับการเติบโตทางเศรษฐกิจ

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,283.40 จุด เพิ่มขึ้น 5.89 จุด, +0.11%

ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 16,828.67 จุด เพิ่มขึ้น 93.65 จุด, +0.56%

ในช่วงแรก ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปรับตัวลง ก่อนที่จะพื้นตัวและปิดตลาดในแดนบวก ส่วนดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดปรับตัวลง โดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้นมากที่สุด ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวลงมากที่สุด

ตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (NYSE)มีปัญหาขัดข้องทางเทคนิคเมื่อคืนนี้ ส่งผลให้ราคาหุ้นของบริษัทเบิร์กเชียร์ แฮธาเวย์ (Berkshire Hathaway) กับหุ้นของบริษัทบาร์ริค โกลด์ (Barrick Gold) ร่วงลงแรงในระหว่างวัน และยังต้องระงับการซื้อขายหุ้นอย่างน้อย 60 ตัวที่จดทะเบียนในตลาด NYSE ถูก ในช่วงเวลาสั้น ๆ เนื่องจากราคาหุ้นมีความผันผวน ก่อนที่ NYSE จะแก้ไขปัญหาได้และกลับมาซื้อขายตามปกติในเวลาต่อมา

สถาบันจัดการด้านอุปทาน(ISM) รายงาน ดัชนีภาคการผลิตเดือนพฤษภาคมปรับตัวลงมาที่ 48.7 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือน จาก 49.2 ในเดือนเมษายน และปรับลงติดต่อกันเป็นเดือนที่สอง อีกทั้งต่ำกว่า 49.6 ที่นักวิเคราะห์คาด โดยดัชนีที่ต่ำกว่า 50 บ่งชี้ว่าภาคการผลิตหดตัว ทำให้วิตกว่าการเติบโตของเศรษฐกิจชะลอตัว

หุ้นกลุ่มวัฏจักรที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับการเติบโตทางเศรษฐกิจปรับตัวลง โดยกลุ่มพลังงาน อุตสาหกรรม และวัสดุปิดในแดนลบ

ข้อมูลนี้ยังส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์และเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง

คีธ เลอร์เนอร์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนร่วมของ Truist Advisory Services กล่าวว่า ตลาดมีความเห็นสองทาง ทางหนึ่งมองว่าเศรษฐกิจอ่อนแอลง อีกทางหนึ่งคาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)อาจลดอัตราดอกเบี้ย

เครื่องมือ FedWatch ของ CME บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 59% ที่เฟดจะเริ่มลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายน เพิ่มขึ้นจากประมาณ 53% ก่อนที่จะมีการเปิดเผยข้อมูล ISM

ในสัปดาห์แรกของเดือนมิถุนายนจะมีการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจจำนวนมาก นักลงทุนรอการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานภาคเอกชนในวันพุธจาก ADP ตามด้วยรายงานการจ้างงานเดือนพฤษภาคมในวันศุกร์ ซึ่งอาจให้สัญญานถึงแนวทางการดำเนินการของเฟดในเรื่องอัตราดอกเบี้ย

หุ้น Nvidia เพิ่มขึ้นเกือบ 5% หลังจากประกาศจะปิดตัวชิปปัญญาประดิษฐ์ชุดใหม่ ในปี 2569 หุ้นเทคโนโลยีใหญ่อื่น ๆ ทั้ง Apple, Amazon, Alphabet และ Meta ปิดบวก แต่ Microsoft และ Tesla ปิดลบ

ตลาดยุโรปปิดบวก ปรับตัวติดต่อกันวันที่สาม นำโดยกลุ่มที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย เนื่องจากนักลงทุนมองว่าค่อนข้างแน่นอนที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปลายสัปดาห์นี้

นอกจากนี้ความเชื่อมั่นยังได้รับแรงหนุน จากข้อมูลกิจกรรมภาคการผลิตทั่วโลกมีสัญญาณฟื้นตัว ขณะที่ข้อมูลการผลิตสหรัฐที่อ่อนแอลงทำให้มีความหวังที่ธนาคารกลางสหรัฐจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้

นักลงทุนให้ความสนใจ ไปที่การประชุมนโยบายการเงินของ ECB ในวันพฤหัสบดีนี้ ซึ่งผลสำรวจของรอยเตอร์คาดว่า ECB อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25%

ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ 519.85 จุด เพิ่มขึ้น 1.68 จุด, +0.32%

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,262.75 จุด ลดลง 12.63 จุด, -0.15%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,998.02 จุด เพิ่มขึ้น 5.15 จุด, +0.06%

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 18,608.16 จุด เพิ่มขึ้น 110.22 จุด, +0.60%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนกรกฎาคมลดลง 2.77 ดอลลาร์ หรือ 3.6% ปิดที่ 74.22 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนกรกฎาคมลดลง 2.75 ดอลลาร์ หรือ 3.39% ปิดที่ 78.36 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล