ดาวโจนส์ปิดลบ 411 จุด บอนด์ยีลด์ขึ้นต่อ

HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นสหรัฐฯ 3 ดัชนีหลักปิดร่วง ดาวโจนส์ลดลง 411 จุด -1.06%, S&P500 -0.74% , Nasdaq -0.58% หลังบอนด์ยีลด์ยังปรับตัวสูงขึ้นแตะ 4.6% ด้าน “ราคาน้ำมันดิบ WTI” ลดลง 60 เซนต์ ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดลบ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 29พฤษภาคม 2567 ปิดที่ 38,441.54 จุด ลดลง 411.32 จุด หรือ -1.06%, จากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ยังปรับตัวสูงขึ้นและกลบการปรับขึ้นของ Nvidia

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,266.95 จุด ลดลง 39.09 จุด, -0.74%

ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 16,920.58 จุด ลดลง 99.30 จุด, -0.58%

หุ้น Nvidia บวก 0.8% จากที่ร่วงไป 2.6%

หุ้นในดัชนีดาวโจนส์ร่วงลง 27 ตัวจากทั้งหมด 30 ตัว โดย UnitedHealth ผู้ให้บริการประกันภัย นำหุ้นบลูชิปอื่นให้ลดลง หลังร่วงกว่า 3% จากการให้ความเห็นของฝ่ายบริหารเกี่ยวกับธุรกิจ Medicaid หุ้นอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับโครงการประกันสุขภาพของรัฐบาลกลางปรับตัวลงร่วงลง

การปรับลงของตลาดมีสาเหตุจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีปรับตัวขึ้นเป็นวันที่สองโดยซื้อขายล่าสุดสูงกว่า 4.6% หลังเปิดประมูลพันธบัตรรัฐบาลอายุ 7 ปีวงเงิน 44 พันล้านดอลลาร์ของกระทรวงการคลังสหรัฐเมื่อวันอังคาร (28 พ.ค.) ไม่ได้รับการตอบรับมากนัก อัตราผลตอบแทนที่สูงขึ้นทำให้นักลงทุนที่ซื้อหุ้นนั้นลดลง ส่งผลให้ต้นทุนการกู้ยืมสูงขึ้น กระทบต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภค และทำให้ตั๋วเงินและกองทุนตลาดเงินน่าสนใจยิ่งขึ้น

อดัม เทิร์นควิสต์ หัวหน้านักกลยุทธศาสตร์ทางเทคนิคของ LPL Financial กล่าวว่า ตลาดวันนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีและ 2 ปี แตะระดับ ที่ค่อนข้างกังวล ทั้งหมดนี้กำลังทำให้นักลงทุนไม่ชอบใจ

ตลาดยังได้รับแรงกดดันมากขึ้นจากการเปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจหรือ Beige Book ของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ที่บ่งชี้ว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจยังคงขยายตัวตั้งแต่ในช่วงต้นเดือนเมษายนจนถึงกลางเดือนพฤษภาคม แต่บริษัทมีมุมมองเป็นลบมากขึ้นต่อทิศทางในอนาคต

หุ้นกลุ่มสายการบินปรับตัว นำโดยหุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ ที่ลดลง 13.5% หลังจากบริษัทปรับลดคาดการณ์กำไรในไตรมาส 2

นักลงทุนจับตาการรายงานดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ในวันศุกร์นี้ (31 พ.ค.) เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้กำหนดเวลาในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด

ตลาดยุโรปปิดลบจากความกังวลว่าอัตราดอกเบี้ยทั่วโลกจะยังคงอยู่ในระดับสูงหลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับสูงขึ้น โดยมีข้อมูลใหม่ว่าอัตราเงินเฟ้อสูงขึ้นต่อเนื่องในเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดของภูมิภาค

ดัชนี STOXX 600 แตะระดับต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์ ซึ่งถือเป็นการร่วงลงในวันเดียวที่มากที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 16 เมษายน

ตลาดหุ้นหลักๆ ทั้งหมดในภูมิภาค ทั้งดัชนี CAC 40 ของฝรั่งเศส และ FTSE MIB ของอิตาลี ต่างนำการปรับลงประมาณ 1.5%

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของเยอรมนี ปรับตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือนและอยู่ที่ 2.685% หลังเยอรมนีรายงานข้อมูลเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น 2.8% ในเดือนพฤษภาคมซึ่งสูงกว่าคาด

ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 513.45 จุด ลดลง 5.63 จุด, -1.08%

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,183.07 จุด ลดลง 71.11 จุด, -0.86%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,935.03 จุด ลดลง 122.77 จุด, -1.52%

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ ที่ 18,473.29 จุด ลดลง 204.58 จุด, -1.10%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนกรกฎาคมลดลง 60 เซนต์ หรือ 0.75% ปิดที่ 79.23 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนกรกฎาคมลดลง 62 เซนต์ หรือ 0.74% ปิดที่ 83.6 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล