WPH 1 ปีขึ้น 245.74% จะไปต่อไหม! คาด “รพ.Xลูกค้า” ใหม่ดันรายได้ 5 ปีโต 129%

HoonSmart.com>>ราคาหุ้นโรงพยาบาลวัฒนแพทย์ ตรัง พุ่งแรงต่อเนื่อง 1 ปีให้กำไร 245.74% ผู้บริหารให้คำนิยาม เติบโตแบบดุดัน พร้อมเปิดแผน 5 ปีรายได้แตะ 4,355 ล้านบาท พุ่ง 129% จากการรับรู้รายได้ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ- โรงพยาบาลใหม่แห่งที่ 5 ด้านปี’67 เพิ่มเป้ารายได้เป็น 30-35% จากเดิม 25% ผลผู้ป่วยต่างชาติเพิ่ม พร้อมเปิดรับสิทธิบัตรทองใช้บริการห้องสวนหัวใจ ขยายฐานลูกค้าประกันสังคมที่มีประกันกลุ่ม เพิ่มแหล่งที่มารายได้ให้เติบโตยั่งยืนแบบมีกำไร
วันที่ 30 พ.ค.2567 ราคาหุ้น บริษัทโรงพยาบาลวัฒนแพทย์ ตรัง (WPH) ปิดที่ 13 บาท ลดลง 0.60 บาท หรือลดลง 4.41% มูลค่าการซื้อขาย 49.06 ล้านบาท แต่หากเทียบกับราคาปิดวันที่ 2 พ.ค. 2567 ปิดที่ 8.75 บาท 1 เดือนให้กำไรนักลงทุน 48.57% ส่วน 3 เดือนขึ้นมาร่วม 100%
ย้อนกลับไปไกลกว่านั้นอีกหน่อย ณ วันที่ 31 พ.ค.2566 ราคาปิดที่ 3.76 บาท 1 ปีผ่านไปราคาวิ่งขึ้น 245.74%
ถ้าเป็นนักลงทุนระยะยาว ย้อนหลังไปอีก 5 ปี จากวันที่ 31 พ.ค.2562 ปีที่โควิด-19 เข้าโจมตีหมู่มวลมนุษยชาติ ปิดที่ 2.25 บาท ถึงวันที่ 30 พ.ค.2567 ราคาปิดที่ 13 บาท การเดินทางของราคาหุ้นพุ่งขึ้นมาแล้ว 477.78% ซึ่งอ่อนแรงลงจากวันที่ 29 พ.ค.2567 ที่ขึ้นมา 503.13%
ขณะที่จำนวนหุ้นจดทะเบียนของ WPH ณ วันที่ 29 พ.ค.2567 มีทั้งสิ้น 673.20 ล้านหุ้น โดยมีฟรีโฟลท์ หรือเปอร์เซ็นต์ของถือหุ้นของผู้ถือหุ้นรายย่อย ณ วันที่ 12 มี.ค.2567 อยู่ที่ 36.55%
ราคาวิ่งขึ้นมาเร็วและแรงดั่งจรวดขนาดนี้แล้วจะไปต่อไหม ..ไม่มีใครตอบได้ เพราะผลงานในอดีตไม่สามารถการันตีอนาคต
หุ้น growth stock ที่ agressive
นายเชน เหล่าสุนทร รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารและรองผู้อำนวยการโรงพยาบาลฝ่ายการเงิน WPH จัดให้ WPH เป็นหุ้นเติบโตอย่างดุดัน หรือ หุ้น growth stock ที่ตั้งเป้ารายได้และกำไรที่ agressive เพราะรายได้,อัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี(CAGR) ที่ผ่านมาทำได้สูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้ ซึ่งเป็นผลมาจาก
หนึ่ง ตำแหน่งที่ตั้งของโรงพยาบาลที่มีการกระจายตัวไปในพื้นที่ที่มีความแตกต่างกันของรายได้ ที่กระบี่ คนในพื้นที่จะมีรายได้จากภาคเกษตรเป็นหลัก ส่วนที่สมุย และอ่าวนาง จะมีรายได้จากการท่องเที่ยว และที่ ตรัง เป็นแหล่งรวมของผู้มีรายได้สูง เป็นฐานใหญ่ของลูกค้า ทำให้มีรายได้ที่กระจายตัวเข้ามาตลอดทั้งปี
สอง มีการโฟกัสในสาขาการแพทย์เฉพาะทาง โรคซับซ้อน ค่ารักษาต่อรายสูง ที่ขาดแคลน และมีความต้องการของตลาดมีสูง สามารถคืนทุนได้เร็ว ทำรายได้อย่างมีนัยสำคัญ เพราะบริษัท เป็นโรงพยาบาลขนาดกลาง การลงทุนจึงต้องคุ้มค่า จับกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อเพื่อสร้างความมั่นคงด้านรายได้อย่างต่อเนื่อง แสวงหาโอกาสใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง
สาม ต้นทุนในการดำเนินงานลดลงเมื่อรายได้เพิ่มสูงขึ้น หรือการประหยัดจากธุรกิจที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ประหยัดพลังงานจากการติดตั้งแผงโซล่ารเซล์ รวมถึงต้นทุนทางการเงินยังต่ำ โดยสิ้นปี 2567 จะมีหนี้สินอยู่ประมาณ 700 ล้านบาท จากการคืนเงินต้นจะทำให้ภาระดอกเบี้ยลดลงอีก อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน จะลดลงอยู่ที่ 0.6 เท่า จากปัจจุบันอยู่ที่ 0.83 เท่า
อนาคต WPH ไปถึงไหน
ปี 2567 ตั้งเป้ารายได้ 1,800-1,900 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30-35% จากเดิมที่วางไว้ 25% ถึงปี 2571 หรืออีก 5 ปีข้างหน้าจะอยู่ที่ 4,355 ล้านบาท (ใส่กราฟ) โดยรายได้จะมาจาก
1. ปี 2567 จะรับรู้รายได้จากโรงพยาบาลวัฒนแพทย์ สมุย (WPS)เต็มปี จากปี 2566 ที่รับรู้รายได้เพียง 9 เดือนครึ่ง และสามารถรับลูกค้าคนไทยที่ใช้ประกันตั้งแต่ต้นปี
2. เพิ่มการให้บริการแพทย์เฉพาะทาง เพิ่มการรักษาโรคที่มีความซับซ้อน เช่น การเพิ่มแพทย์ผ่าตัดสมองที่สมุย และอ่าวนาง ทำให้รับผู้ป่วยผ่าตัดสมองได้เพิ่มขึ้น ที่ตรังลงเครื่อง ERCP ใช้รักษานิ่วในไต เพิ่มจำนวนห้อง ICU ที่ตรังอีก 60% เพิ่มที่อ่าวนาง เพื่อจะได้ใช้ทันไฮซีซั่นไตรมาส 3 ของปี
รวมถึง การให้บริการห้องสวนหัวใจและหลอดเลือด หรือ Cardiac Catheterization Lab หรือ Cath Lab ใช้เงินลงทุน 30 ล้านบาท ที่กระบี่ ซึ่งยังไม่มีโรงพยาบาลไหนทำที่นี่ ตั้งเป้ารายได้เดือนละ 4.17 ล้านบาท เดือนพ.ค.เพียง 21 วันมีรายได้แล้ว 5.62 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันรับผู้ป่วยลูกค้าประกันไทย ประกันต่างชาติ และผู้ป่วยสิทธิยูเส็ปหรือสิทธิการรักษาตามนโยบายรัฐ เพื่อคุ้มครองผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต และในอีก 1-2 เดือนข้างหน้าจะรับผู้ป่วยสิทธิยูซีหรือบัตรทอง ของสปสช.ซึ่งมีสมาชิกที่ใหญ่ที่สุดอันดับ 1 รองลงมาเป็นสิทธิข้าราชการ และ ประกันสังคม จะทำให้จำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว จะทำให้รายได้เกินเป้าที่วางไว้เท่าตัว
รวมถึงการบำบัดด้วยออกซิเจนความกดบรรยากาศสูง หรือ Hyperbaric Oxygen Therapy ที่มีการลงทุนซื้ออุปกรณ์การแพทย์ประมาณ 10 ล้านบาท มีอายุการใช้งาน 20 ปี โดยในพื้นที่ 7 จังหวัดภาคใต้มี WPH ที่เดียวที่มีเครื่องดังกล่าวและมีแพทย์เฉพาะทาง ใช้รักษาอาการถูกน้ำหนีบ รักษาโรคหายยาก เช่น หูดับฉับพลัน แผลจากเบาหวาน แผลจากการฉายแสงมะเร็ง การบาดเจ็บที่มีการฟกช้ำของเนื้อเยื่ออย่างรุนแรง ให้บริการเมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา ตั้งเป้ารายได้ 6.7 ล้านบาทต่อปี แต่ปัจจุบันรักษาอาการถูกน้ำหนีบอย่างเดียว ทำรายได้สูงเกินคาด ตัวเลขถึงวันที่ 21 พ.ค.ที่ผ่านมาทำรายได้แล้ว 4.7 ล้านบาท และคาดว่าจะใช้เวลาในการคืนทุนเพียง 1 ปีกว่าเล็กน้อย จากเดิมที่คิดว่าจะคืนทุนใน 4-5 ปี
“ทั้ง 2 ธุรกิจข้างต้น ไม่ได้ทำรายได้มากมายให้บริษัทเติบโต แต่เป็นตัวอย่างของการลงทุนในสาขาเฉพาะ ที่มีความขาดแคลน และสามารถคืนทุนได้เร็ว “นายเชน กล่าว
3. การขยายเตียงเพิ่มที่สมุย จาก 53 เป็น 73 เตียง แต่ไม่ได้มีการใช้เงินลงทุนเป็นพิเศษ เพราะเป็นการปรับปรุงห้อง โดยใส่เตียงเพิ่ม เพื่อรองรับผู้ป่วยประกันสังคม
4. จะเริ่มรับรู้รายได้จากโรงพยาบาลคูน อ่าวนาง (KAH) ที่ร่วมทุนกับโรงพยาบาลเอกชัย ทำโรงพยาบาลเฉพาะดูแลผู้สูงอายุระยะสุดท้าย ในไตรมาส 4 ปี 2568 เพราะคาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในไตรมาส 3 ปี 2568
5. คาดว่าจะมีรายได้จากโรงพยาบาลแห่งที่ 5 ซึ่งเป็นโรงพยาบาลแห่งใหม่ที่จังหวัดภูเก็ตในปี 2570 โดยมีแผนจะเปิดให้บริการได้ในไตรมาส 4 ปี 2569 ขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษาโอกาสทางธุรกิจ หากผลการศึกษาของบริษัทและที่ปรึกษาตรงกัน ก็จะเขียนแบบ โดยจะมีขนาด 120 เตียง แต่ในเฟสแรกจะสร้างขนาด 60 เตียง ใช้เงินลงทุนประมาณ 1,100-1,200 ล้านบาท ซึ่งเป็นการใช้เงินทุนจากกระแสเงินสดของบริษัทเอง
ที่เลือกภูเก็ต เพราะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวนมาก มีคนไทยที่มีกำลังจ่ายอยู่จำนวนมากเหมือนที่กระบี่ และตรัง แม้ปัจจุบันมีโรงพยาบาลเอกชนรายใหญ่อยู่แล้ว 3 โรง และกำลังก่อสร้างอีก 1 โรง รวมเป็น 4 โรงจาก 2 แบรนด์ แต่บริษัทมั่นใจว่าธุรกิจน่าจะโตได้เร็ว
จากปัจจุบันบริษัทมีอยู่ 4 โรงพยาบาล ครอบคลุม 3 จังหวัด ประกอบด้วย โรงพยาบาลวัฒนแพทย์ ตรัง (WPH) โรงพยาบาลวัฒนแพทย์ อ่าวนาง (WPA) โรงพยาบาลวัฒนแพทย์ สมุย (WPS)และโรงพยาบาลคูน อ่าวนาง (KAH) ซึ่งที่สมุยเทินร์อะราวด์เรียบร้อยแล้ว ที่ตรังทำกำไรได้เต็มที่ ที่อ่าวนางทำกำไรได้เต็มที่และจะขยายเฟสถัดไป ปี 2568 จะเป็นปีที่มีกำไรได้เต็มที่ เป็นจังหวะที่เหมาะสมในการสร้างโรงที่ 5 ในปี 2569 เพื่อให้มีแหล่งที่มาของรายได้ใหม่ทำรายได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
มาตรการท่องเที่ยวหนุนลูกค้าต่างชาติเพิ่ม
ไตรมาส 1 ปี 2567 มีฐานลูกค้าต่างชาติ 48% แต่ทั้งปีคาดว่าจะอยู่ที่ 30-35% เพราะจะมีช่วงโลว์ซีซั่นในไตรมาส 2 และ 3 โดยช่วงไตรมาสแรกเป็นไฮซีซั่นจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้น จากนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวของรัฐบาล การใช้บริการที่สนามบินกระบี่ ภูเก็ต สมุย เติบโต 2-3 เท่า และเชื่อว่าแพคเกจส่งเสริมการท่องเที่ยวที่จะออกมาเสริมอีกในเดือนมิ.ย.นี้ จะทำให้นักลงทุนต่างชาติเพิ่มมากขึ้นในช่วงไฮซีซั่น ซึ่งจะส่งเสริมให้ธุรกิจโรงพยาบาลมีรายได้เพิ่มขึ้นด้วย
จากข้อมูลกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ปี 2566 ทางบริษัทครองส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 ในการให้บริการที่ ตรัง กระบี่ และสมุย ซึ่งที่สมุยมีแนวโน้มที่ดีมาก จากปี 2565 มีโรงพยาบาล 4 แห่ง มีมูลค่าการรักษารวม 800 กว่าล้านบาท ปี 2566 มูลค่าการรักษาพยาบาลเพิ่มขึ้นเป็น 1,300 ล้านบาท โตขึ้นกว่า 40% โดยทาง WPS เปิดให้บริการปี 2566 ใช้เวลา 9 เดือนครึ่ง มีส่วนแบ่งตลาดที่ 14% ติดอันดับ 2 ในอนาคตจะทำให้เปอร์เซ็นต์ส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องให้ใกล้เคียงเบอร์ 1 ที่มีส่วนแบ่งอยู่ที่ 70% รวมถึงที่ตรัง เพียงไตรมาส 1 ปี 2567 ทำรายได้เท่ากับปี 2566 ทั้งปี และที่อ่าวนาง ให้บริการลูกค้าต่างชาติเพิ่มขึ้นคิดเป็น 80% ของรายได้ปี 2566 ทั้งปี
เน้นโตยั่งยืนแบบมีกำไร
นายสมชาย จันทร์สว่าง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร WPH กล่าวว่า บริษัทเน้นเติบโตอย่างมีกำไร มีขนาดใหญ่ขึ้นในระยะเวลาที่สมควร ซึ่งวัฒนแพทย์ถือเป็นโรงพยาบาลท้องถิ่นในภาคใต้ที่เปิดให้บริการมากว่า 60 ปี และจากการที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ก็มีเป้าหมายตรงกันในเรื่องของการต้องมีกำไรและธุรกิจมีความยั่งยืน
ปัจจุบัน รายได้เพิ่มขึ้นมาจากผู้ป่วย 2 กลุ่ม คือ กลุ่มคนไทย และกลุ่มต่างชาติ ที่มีการใช้บริการจากโรคหนักๆ ไม่ได้เกิดจากราคาค่ารักษาที่สูงขึ้น แต่เกิดจากมีการใช้ ICU เพิ่มขึ้น การผ่าตัดเพิ่มขึ้น ใช้บุคลากรทางการแพทย์เพิ่มขึ้น มีการนอนรับการรักษาพยาบาลที่นานขึ้น โดยผู้ป่วยต่างชาติเมื่อเข้าแอดมิด เฉลี่ยจะอยู่ 3.5 วัน คนไทยเฉลี่ยอยู่ 2.4 วัน มีเคสที่ผู้ป่วยจ่ายค่ารักษาหลักล้านจำนวนมาก เพราะทางบริษัทฯจะทำตัวเป็นฮับรับผู้ป่วยที่โรงพยาบาลอื่นๆ คลินิก โรงพยาบาลรัฐ บริเวณใกล้เคียงที่รักษาไม่ได้เข้ามา ส่วนใหญ่เกิดจากอุบัติเหตุ หรือเคสซับซ้อน เช่น ผ่าตัดสมอง เป็นการสนับสนุนทางธุรกิจซึ่งกันและกันในราคามิตรภาพ
การจะเริ่มรับลูกค้าประกันสังคมที่มีสิทธิประกันกลุ่ม เพื่อขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ที่สมุย จะรองรับผู้ป่วยจากเกาะพงัน เกาะเต่า แหล่งดำน้ำที่มีชื่อเสียงระดับโลก ซึ่งเกือบ 100% ของผู้ประกันตนจะทำงานในกิจกรรมการท่องเที่ยว โดยเฉพาะพนักงานโรงแรมมีสัดส่วนสูงถึง 80% ที่เหลือจะเป็นสายการบิน ธนาคาร ที่นายจ้างจะมีประกันกลุ่มให้พนักงาน โดยระยะทางจากเกาะพงันและเกาะเต่ามาที่สมุยใช้เวลาเดินทางประมาณ 1-1.30 ชั่วโมง สถานพยาบาลรองรับการเข้ารับการรักษาพยาบาลสูงสุดได้ 5 หมื่นคน แต่ปัจจุบันอยู่ที่ 4 หมื่นราย โดยมีโรงพยาบาลรัฐเพียงแห่งเดียวที่ให้บริการ ทาง WPS เป็นเอกชนรายเดียวที่ยื่นสมัครให้บริการ ถ้าผ่านการอนุมัติจะเปิดรับสิทธิในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 เพียงมีผู้มาใช้บริการประมาณ 2 หมื่นรายโดยจุดแข็งอยู่ที่แพทย์พยาบาลฉุกเฉินที่จะออกไปรับคนไข้เต็มเวลามามากกว่าโรงพยาบาลแห่งอื่นๆ อยู่ใกล้ ให้บริการทางการแพทย์ตามความจำเป็น เหมาะสม คุ้มค่า
ปัจุบัน สัดส่วนลูกค้าที่มีประกันอยู่ที่ 65% ส่วนลูกค้าที่จ่ายเองจะมีสัดส่วน 35% ลูกค้ากลุ่มนี้ จะช่วยลดความเสี่ยงจากการที่นักท่องเที่ยวต่างชาติลดลงช่วงโลว์ซีซั่น หรือ หายไปในช่วงที่เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบภายในประเทศ ทำให้มีรายได้เข้ามาอย่างต่อเนื่องจากลูกค้าประกันสังคมที่มีสิทธิประกันกลุ่ม และลูกค้าต่างชาติที่เข้ามาทำงานในไทยที่อาศัยอยู่ระยะยาวบนเกาะสมุย เกาะพงัน และเกาะเต่า
รวมถึง การลงทุนเพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุ ภายใต้ โรงพยาบาลคูน อ่าวนาง (KAH) อยู่ในบริเวณเดียวกับโรงพยาบาลวัฒนแพทย์ อ่าวนาง ดูแลผู้สูงอายุระยะสุดท้ายเพื่อธำรงไว้ซึ่งคุณค่าความเป็นมนุษย์ เป็นเอกชนเจ้าแรกที่ทำธุรกิจดังกล่าวในภาคใต้
บริษัท-ผู้ถือหุ้น ได้สิทธิภาษี BOI
การทำธุรกิจโรงพยาบาลครบวงจร โดยปกติจะได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ซึ่งการขยายวอร์ดที่อ่าวนางจาก 59 เตียง เป็น 96 เตียงเริ่มให้บริการเดือนก.ค.นี้ จะได้สิทธิยกเว้นภาษีนิติบุคคล 3 ปี ส่วนโรงพยาบาลคูน อ่าวนาง (KAH)ที่จะเปิดให้บริการไตรมาส 4 ปี 2568 ได้สิทธิภาษี 5 ปี ส่วน Cardiac Catheterization Lab เป็นเฉพาะได้สิทธิ 8 ปี ลูกค้าไม่ต้องเสียภาษีปันผล