“คิงส์ฟอร์ด” มอง SET แนวรับ 1,520–1,538 จุดแนะ AOT-BDMS

HoonSmart.com>> บล.คิงส์ฟอร์ด คาดดัชนี SET เคลื่อนไหวในกรอบแนวรับ 1,520 – 1,538 แนวต้าน 1,550 จุด หวังการรีบาวด์จากภาวะ Oversold บริเวณแนวรับดังกล่าว แนะทยอยซื้อกลุ่ม Defensive ชู INTUCH, BH, BDMS หุ้น ค้าปลีก CPALL,BJC เก็งกำไร KBS,KSL,BRR รับราคาน้ำตาล พร้อมเสิร์ฟหุ้นวันนี้แนะ AOT, BDMS

บริษัทหลักทรัพย์คิงส์ฟอร์ด ประเมินดัชนี SET เคลื่อนไหวในกรอบแนวรับ 1,520 – 1,538 แนวต้าน 1,550 จุด คาดหวังการรีบาวด์จากภาวะ Oversold บริเวณแนวรับดังกล่าว แนะนำทยอยซื้อกลุ่ม Defensive เช่น INTUCH, BH, BDMS ค้าปลีก CPALL,BJC และเก็งกำไร KBS,KSL,BRR รับราคาน้ำตาล

ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA -1.02%, S&P500 -1.58%, Nasdaq -1.98% UPS บริษัทขนพัสดุ -10% หลังกำไร Q1/66 ต่ำคาดและปรับลดมุมมองกำไรปีนี้ลง ส่วน First Republic Bank -49% หลังยอดเงินฝาก -40.8% อยู่ที่ 1.045 แสนล้านดอลลาร์ ขณะที่ Conference Board เผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐ เม.ย. ลดลงอยู่ที่ 101.3 และ มี.ค. 104 ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 -0.40% กลุ่มธนาคารยุโรป -2.2%, ทรัพยากรฟื้นฐาน -3% ขณะที่กลุ่มเฮลธ์แคร์ +0.60%

ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ปรับลดลง หลัง UPS บริษัทขนพัสดุรายใหญ่สหรัฐรายงานกำไรลดลง เป็นผลจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ขณะที่ดัชนี KBW Regional Bank Index -3.9% หลังยอดเงินฝากของ First Republic Bank ลดลง -40.8% ส่งผลให้นักลงทุนกังวลฐานะการเงินของ ธนาคารภูมิภาคอื่น ๆ ดัชนี VIX วานนี้ปรับขึ้นอยู่ที่ 18.7 สะท้อนความผันผวนตลาดเริ่มสูงขึ้น โดยหลังปิดตลาด Microsoft +5% หลังรายงานรายได้และกำไรดีกว่าคาด จากธุรกิจ Cloud และการเปิดตัว Chat GPT เช่นเดียวกับ Alphabet +4% รับผลประกอบการดีกว่าคาด, แผนซื้อหุ้นคืนมูลค่า 7 หมื่นล้านดอลลาร์ ส่งผลให้ Nasdaq Futures เช้านี้ +1.3%

หุ้นแนะนำวันนี้ ได้แก่ AOT (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 80.00 บาท) แนวโน้ม 2Q65/66 (ม.ค.-มี.ค.65) คาดฟื้นตัวตามอุตสาหกรรมการบินและการท่องเที่ยว ส่งผลให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยมากกว่า 6 ล้านคน และแนวโน้ม 3Q65/66 ยังดีต่อเนื่องจากนักท่องเที่ยวจีนที่เริ่มทยอยกลับเข้ามา ส่วนในปี 65/66 (ต.ค.65-ก.ย.66) คาดการณ์ผลประกอบการพลิกเป็นกำไรสุทธิ 1 หมื่นล้านบาท ภายใต้สมมติฐานจำนวนเที่ยวบินรวม 6.6 แสนเที่ยวบิน +69%YoY จำนวนผู้โดยสารรวม 95.7 ล้านคน +105%YoY

ขณะที่มาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการร้านค้าและสายการบินจะสิ้นสุดในเดือน มี.ค.66 ทำให้ King power จะเริ่มจ่ายเงิน Minimum Guarantee ตามสัญญา Duty Free ฉบับใหม่ ช่วยหนุนการเติบโตของรายได้ในช่วง 2H65/66 โดยมีความคาดหวังว่านักท่องเที่ยวปี 66 ที่อาจสูงถึง 30 ล้านคน

หุ้น BDMS (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 34.00 บาท) เบื้องต้น ประเมินกำไรสุทธิ 1Q66 ที่ 3,303 ล้านบาท (-4.05% YoY, +6.11%QoQ) ภาพ QoQ ได้ประโยชน์จากรายได้ผู้ป่วยต่างชาติที่กลับมาไทย ขณะที่กลุ่มผู้ป่วยในประเทศเพิ่มขึ้นจากฝุ่น PM 2.5 อย่างไรก็ตามภาพ YoY กดดันอยู่บ้างจากค่าใช้จ่ายค่ายาและค่าสาธารณูปโภค

นอกจากนี้ 1Q65 ยังมีรายได้ที่ผิดปกติจาก Covid-19 สำหรับการดำเนินงานช่วงถัดไป ยังมีความคาดหวังต่อกลุ่มผู้ป่วยต่างชาติกลุ่มใหม่ๆอย่างผู้ป่วยชาวจีน(ซึ่ง BDMS เป็นพันธมิตรกับ Ping An Health;ประกันสุขภาพรายใหญ่ของจีน) และ ผู้ป่วยชาวซาอุฯ(ซึ่ง BDMS มีการเปิดบริษัทย่อยเพื่อเข้าไปทำการตลาดในบริเวณดังกล่าว) ปัจจุบัน เราประมาณการกำไรสุทธิปี66 และ ปี67 ที่ระดับ 13,036 ล้านบาท ( +3.41%YoY) และ 14,013 ล้านบาท (+7.49%YoY) ตามลำดับ