“อเบอร์ดีน” แนะกลยุทธ์ฝ่าตลาดโลกผันผวน กระจายลงทุนหุ้นไทย-ตปท. ชูจีนเด่น

HoonSmart.com>> “บลจ.อเบอร์ดีน” ประเมินตลาดโลกยังมีความผันผวนสูง คาดเฟดประชุมเดือนพ.ค.นี้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งสุดท้ายของปีนี้ ด้านเศรษฐกิจสหรัฐฯ ถดถอยเบาๆ แนะเน้นลงทุนหุ้นคุณภาพ งบดุลแข็งแกร่ง ตราสารหนี้ระดับ Investment Grade กระจายลงทุนสินทรัพย์หลากหลาย ชู 3 กลยุทธ์เด่นลงทุนหุ้นจีนรับเปิดประเทศ-หุ้นปันผลสม่ำเสมอรับมือความผันผวน-หุ้นไทยขนาดกลางและเล็กได้ประโยชน์เศรษฐกิจไทยโตต่อเนื่อง

Mr. David Hanzl , Head of Wholesale APAC , abrdn plc (บลจ.อเบอร์ดีน) กล่าวว่า ภาพรวมเศรษฐกิจโลกยังคงเผชิญกับความผันผวน โดยเฉพาะเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่มีโอกาสเกิดภาวะถดถอย (Recession) แบบเบาๆ ซึ่งอเบอร์ดีนคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งในการประชุมเดือนพ.ค.นี้ ซึ่งเป็นการปรับขึ้นครั้งสุดท้ายของปีนี้ และอาจเริ่มเห็นเงินเฟ้อค่อยๆปรับตัวลงเข้าสู่เป้าหมาย หลังจากนั้นเฟดอาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง

“ช่วงที่ผ่านมาเฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง โดยปรับขึ้นไปแล้ว 5% ในระยะเวลา 18 เดือน และใกล้เข้าสู่ระดับเป้าหมายของเฟดแล้ว เพื่อลดความร้อนแรงของเงินเฟ้อ ส่วนวิกฤตธนาคารในครั้งนี้จากปัญหาของธนาคารซิลิคอน แวลลีย์ แบงก์ (SVB) ในสหรัฐฯ และเครดิตสวิส ในยุโรปนั้น มองว่าเป็นปัญหาเฉพาะตัว เชื่อว่าจะไม่ลุกลามมายังธนาคารอื่นๆในโลกได้ ซึ่งเชื่อว่าเฟด สถาบันคุ้มครองเงินฝากของสหรัฐฯและสวิสแบงก์พร้อมใช้เครื่องมือปกป้องให้ระบบธนาคาสหรัฐและยุโรปมีความปลอดภัย แข็งแกร่ง มีฐานเงินทุน สภาพคล่องเพียงพอ ในแง่การลงทุนอเบอร์ดีนไม่ได้ลดน้ำหนักกลุ่มนี้ มองบิ๊กแบงก์ ธนาคารระดับภูมิภาคใหญ่ๆ ยังมีงบดุล กระแสเงินสด พื้นฐานธุรกิจแข็งแกร่ง ดอกเบี้ยระดับสูงมาร์จิ้นแบงก์ยังดี เน้นแแบงก์ในภูมิภาคมีโมเดลธุรกิจแข็งแกร่ง ต้นทุนไม่สูงมาก จึงยังลงทุนได้แบบระมัดระวัง”Mr. David กล่าว

สำหรับการลงทุนในปีนี้แนะนำให้เน้นกลุ่มคุณภาพ บริษัทที่มีงบดุลแข็งแกร่ง กระแสเงินสดสม่ำเสมอทั้งหุ้นและตราสารหนี้ที่อยู่ระดับ Investment grade มากกว่า Hight yield bond รวมทั้งการลงทุนในกองทุนรวมที่มีบริหารจัดการในเชิงรุกที่สามารถปรับพอร์ตได้ทันและเหมาะสมกับสถานการณ์จะทำให้ชนะตลาดท่ามกลางความผันผวน โดยแนะนำการลงทุนตลาดหุ้นจีน เอเชีย และตลาดเกิดใหม่ โดยมองจีนน่าสนใจจากนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายต่างจากสหรัฐฯ เงินเฟ้อต่ำ อีกทั้งรัฐบาลชุดใหม่สนับสนุนการบริโภคในประเทศให้มีเสภียรภาพมากขึ้น ส่งผลให้จีนน่าจะเติบโตสูงเป็นอันดับต้นๆ ของโลก รวมถึงหุ้นอินเดียก็น่าสนใจเช่นเดียวกันจากประชากรที่มีอายุน้อยอยู่ในวัยแรงงานมีการบริโภคภายในประเทศในระดับสูงคล้ายกับจีนและบริษัทในอินเดียงบดุลแข็งแกร่ง เงินเฟ้อยังต่ำ

นอกจากนี้แนะนำกระจายการลงทุนไปยังสินทรัพย์ทางเลือก เพื่อทำให้พอร์ตการลงทุนมีการกระจายความเสี่ยงและสามารถสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนสินทรัพย์ประเภทอื่นๆได้ เช่น อสังหาริมทรัพย์ โครงสร้างพื้นฐาน และการลงทุนในบริษัทนอกตลาด เป็นต้น ซี่งกลยุทธ์การกระจายการลงทุนยังคงเป็นหัวใจสำคัญของการลงทุน

Mr. David ยังแนะนำการลงทุนโดยคำนึงถึง 3 ด้านประกอบด้วย 1.การกระจายลงทุนซึ่งเป็นหัวใจสำคัญทำให้นักลงทุนได้ผลตอบแทนระยะยาวที่ดี ซึ่งแต่ละตลาดให้ผลตอบแทนที่แตกต่างกันตามวัฎจักร จึงควรกระจายการลงทุน รวมถึงการลงทุนทางเลือกในอสังหาริมทรัพย์และโครงสร้างพื้นฐาน ไพรเวทมาร์เก็ต 2.การบริหารความเสี่ยง ซึ่งดัชนีปรับตัวลดลงในหลายภูมิภาค การเลือกหุ้นแบบคุณภาพเป็นหัวใจสำคัญที่สุดและ 3.ให้น้ำหนักลงทุนในหุ้นเอเชียและตลาดเกิดใหม่ จีนเปิดประเทศหนุน มีการบริโภคในประเทศมากขึ้นหนุนการเติบโตสูง

ปัจจุบันอเบอร์ดีนมีกองทุนหุ้นจีนที่แนะนำ ได้แก่ กองทุนเปิด อเบอร์ดีน ไชน่า เน็กซ์ เจนเนอเรชั่น ฟันด์ (ABCNEXT) เน้นลงทุนหุ้นขนาดกลางและเล็กที่มีการเติบโตสูง รวมทั้งกองทุนเปิดอเบอร์ดีน ออล ไชน่า ซัสเทนเนเบิล เอคควิตี้ ฟันด์ (ABCG) เน้นลงทุนหุ้นขนาดใหญ่และกลางของบริษัทจดทะเบียนในจีนที่นำกระบวนการ ESG มาคัดเลือกลงทุน อีกทั้งในเดือนมิ.ย.นี้มีแผนออกองทุนใหม่ลงทุนในหุ้นจีน ได้แก่ กองทุนไชน่า เอแชร์ ซัสเทนเนเบิล ซึ่งเน้นหุ้นในตลาด H-Share ผ่านกองทุนหลักของอเบอร์ดีนที่มีขนาดใหญ่สุดในกลุ่ม H-Share นอกจากนี้ในครึ่งปีหลังมีแผนออกกองทุนอาเซียน ซัสเทนเนเบิล และกองทุนอาเซียน ไฮยีลด์

Mr. David กล่าวว่า จุดแข็งของอเบอร์ดีนอยู่ในเอเชีย จีนและตลาดเกิดใหม่ รวมทั้งให้ความสำคัญกับ ESG ที่นำมาอยู่ในกระบวนการลงทุนตั้งแต่ต้นทาง เนื่องจากเรามอง ESG เป็นธีมลงทุนหนึ่ง เหมือนการลงทุนในดิจิทัลในอดีต ซึ่ง ESG มีแนวโน้มการเติบโตและใช้เวลาเติบโตต่อเนื่องได้อีก 20-30 ปีจึงนำเสนอแก่นักลงทุน รวมทั้งได้นำกลยุทธ์ระดับโลกมานำเสนอให้แก่ลูกค้าในไทย อย่างกองทุนเปิดอเบอร์ดีน โกลบอล ไดนามิค ดิวิเดน ฟันด์ (ABGDD) ที่นำมาเสนอให้ลูกค้าเน้นหุ้นปันผลทั่วโลก โดยกองทุนหลักตั้งเป้าจ่ายปันผลสม่ำเสมอ 5-6% ต่อปีท่ามกลางตลาดผันผวน โดยกองทุนในไทยจะจ่ายผลตอบแทนอัตโนมัติไม่ต้องเสียภาษีเงินปันผล ซึ่งเป็นกองทุนที่แนะนำในปีนี้ รวมถึงกองทุนหุ้นไทยขนาดกลางและเล็กซึ่งมองได้ประโยชน์จากเศรษฐกิจไทยที่เติบโตตอเนื่อง ได้แก่กองทุนเปิดอเบอร์ดีน สมอล-มิดแค็พ (ABSM)

ทั้งนี้ บลจ.อเบอร์ดีนเน้นย้ำการนำความรู้ความเชี่ยวชาญมาบริหารจัดการลงทุนทั้งการนำ ESG มาใช้ในกระบวนการลงทุน ,การแนะนำการลงทุน ดูเป้าหมายการลงทุนของลูกค้าและความเสี่ยงที่รับได้ นอกจากการลงทุนในรายกองทุนแล้ว ยังทำเป็นพอร์ตโมเดลให้บริการกองทุนส่วนบุคคลเพื่อจัดพอร์ตลงทุนตามความต้องการของนักลงทุน โดยเงินลงทุนขั้นต่ำ 30 ล้านบาท

ส่วนกรณีที่กองทุนหุ้นภายใต้การบริหารของอเบอร์ดีนเข้าไปลงทุนซื้อหุ้นเพิ่มทุนของบริษัทสตาร์ค คอร์เปอเรชั่น (STARK) ซึ่งปัจจุบันหุ้นถูกขึ้นเครื่องหมาย SP ห้ามก่ารซื้อขาย เนื่องจากไม่ได้ส่งงบการเงินนั้น ทางบลจ.อเบอร์ดีน มองไม่กระทบมากนัก เนื่องจากกองทุนมีสัดส่วนการลงทุนไม่ถึง 1% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยมี 4 กองทุนที่เข้าไปลงทุน ซึ่งเชื่อว่าการลงทุนในหุ้นตัวอื่นๆ จะได้ผลตอบแทนเข้ามาชดเชยและช่วยรักษาอัตราผลตอบแทนการลงทุนรวมให้กับลูกค้าได้