HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวก ดัชนีดาวโจนส์ปรับเพิ่มขึ้น 100 จุด ท่ามกลางการรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะบียน นักลงทุนยังจับตาผลการดำเนินงานของกลุ่มสถาบันการเงินหลังจากการล่มสลายของ Silicon Valley Bank ในเดือนที่แล้ว เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเศรษฐกิจ ราคาน้ำมันดิบลดลง 2% ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ส่วนใหญ่ปิดลบ แรงขายกลุ่มธนาคารนำ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) ปิดวันที่ 17 เมษายน 2566 ที่ 33,987.18 จุด เพิ่มขึ้น 100.71 จุด หรือ 0.30% ท่ามกลางการรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะบียน นักลงทุนยังจับตาผลการดำเนินงานของกลุ่มสถาบันการเงินหลังจากการล่มสลายของ Silicon Valley Bank ในเดือนที่แล้วเพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเศรษฐกิจ
ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,151.32 จุด เพิ่มขึ้น 13.68 จุด, +0.33%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,157.72 จุด เพิ่มขึ้น 34.26 จุด, +0.28
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีปรับขึ้นมาที่ 3.597% ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 2 ปีปรับตัวขึ้นมาที่ 4.188%
First Bank, Pinnacle Financial Partners, Inc. ServisFirst Bancshares, Inc. และ CrossFirst Bankshares, Inc. จะรายงานผลประกอบการหลังปิดตลาดวานนี้ ซึ่งจะสะท้อนภาพเชิงลึกของกลุ่มธนาคาร
เมื่อวันศุกร์ การรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะบียนเริ่มแล้วหลังจาก Silicon Valley Bankล้มละลาย โดยเจพี มอร์แกน ซิตี้กรุ๊ป เวลลส์ ฟาร์โก ต่างมีผลกำไรที่ดีกว่าคาด
เมื่อวานนี้มีการรายงานผลประกอบการต่อเนื่องเริ่มจาก State Street และ Charles Schwab ก่อนเปิดตลาด หุ้น Charles Schwab บวก 3.9% จากผลกำไรดีกว่าคาดแม้เงินฝากลดลง หลังจากที่กังวลว่าบริษัทซึ่งเป็นโบรกเกอร์อาจจะมีปัญหาเช่นเดียวกับ Silicon Valley Bank
ส่วนหุ้น State Street ลดลง 9.2% หลังผลการดำเนินงานต่ำกว่าเป้า
นักลงทุนจับตาการรายงานผลการดำเนินงานของกลุ่มการเงินอย่างใกล้ชิดหลัง Silicon Valley Bank ล้มละลายและทำให้เกิดวิกฤติสภาพคล่องกระทบทั้งภาคธนาคาร
การรายงานผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนจะมีมากขึ้น โดยในสัปดาห์นี้นักลงทุนจับตาผลการดำเนินงานของ แบงก์ ออฟ อเมริกา โกลด์แมน แซคส์ แบงก์ ออฟ นิวยอร์ก เมลลอน รวมถึงกลุ่มอื่นๆ ทั้ง United Airlines และ Netflix
แม้บริษัทจดทะเบียนประสบปัญหาเงินเฟ้อและดอกเบี้ยสูง และนักลงทุนมองว่ากำไรจะลดลง แต่แบงก์ ออฟ อเมริกาชี้ว่ายังอยู่ในเกณฑ์ดี โดยจากที่เปิดเผยผลกำไรมาแล้วนั้น 90% มีกำไรต่อหุ้นดีกว่าคาด
แซม สโตวาลล จาก CFRA Research กล่าวว่า นักลงทุนยังแบ่งออกเป็นสองฝ่าย ยแรกมองว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ใกล้จะยุติการปรับขึ้นดอกเบี้ยแล้วเพราะเศรษฐกิจชะลอตัวกับอีกฝ่ายที่เชื่อว่าเฟดจะยังคงขึ้นดอกเบี้ยไปอีกนานเพราะเศรษฐกิจยังไม่อ่อนตัวลง
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการรายงานเมื่อวานเฟด สาขานิวยอร์ก เผยแพร่ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Index) เดือนเมษายนว่าเพิ่มมาที่ +10.8 สูงกว่า -18.0ที่นักวิเคราะห์คาด
สมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) รายงานว่า เดือนเมษายนดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านปรับตัวขึ้น 1 จุด สู่ระดับ 45 ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน
นักลงทุนยังจับตาการให้ความเห็นของของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเฟด 8 รายในสัปดาห์นี้
รวมทั้งการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจได้แก่ ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้าน จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตและภาคบริการขั้นต้นเดือนเมษายน
ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปิดลบ นำโดยกลุ่มธนาคาร ขณะที่นักลงทุนยังจับตาผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนในตลาดสหรัฐ เพื่อหาสัญญานสะท้อนภาพเศรษฐกิจ
กลุ่มเดินทางและสันทนาการเพิ่มขึ้น 1.5% กลุ่มเหมืองแร่บวก 1% กล่มประกันภัยลบ 1.5%
หลังการรายงานผลการดำเนินงานที่ดีกว่าคาดของเจพี มอร์แกน ซิตี้กรุ๊ป เวลลส์ ฟาร์โก นักลงทุนจับตาผลการดำเนินงานของ แบงก์ ออฟ อเมริกา โกลด์แมน แซคส์ในสัปดาห์นี้
ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 466.84 จุด ลดลง 0.07 จุด, -0.01%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,879.51 จุด เพิ่มขึ้น 7.60 จุด, +0.10%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,498.18 จุด ลดลง 21.43 จุด, -0.28%,
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,789.53 จุด ลดลง 17.97 จุด, -0.11%
ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคม ลดลง 1.69 ดอลลาร์ หรือ 2.05% ปิดที่ 80.83 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนมิถุนายน ลดลง 1.55 ดอลลาร์ หรือ 1.8% ปิดที่ 84.76 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล