ดาวโจนส์ปิดลบ 143 จุด วิตกเฟดขึ้นดอกเบี้ยแม้ผลกำไรแบงก์แกร่ง

HoonSmart.com>>ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) ปิดวันที่ 14 เมษายน 2566 ที่ 33,886.47 จุด ลดลง 143.22 จุด หรือ 0.42% จากข้อมูลเศรษฐกิจที่กลบการรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะบียนที่แข็งแกร่งเกินคาด

ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,123.47 จุด ลดลง 42.81 จุด, -0.35%
ในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีดาวโจนส์เพิ่มขึน 1.2% ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 0.8% และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 0.3% โดยดัชนีดาวโจนส์ปิดบวกเป็นสัปดาห์ที่ 4 ติดต่อกันแล้วซึ่งเป็นการบวกขึ้นรายสัปดาห์ต่อเนื่องยาวนานที่สุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2022

ข้อมูลเศรษฐกิจที่รายงานในวันนี้มีผลต่อตลาด โดยมหาวิทยาลัยมิชิแกนรายงานผลสำรวจความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนเมษายนเพิ่มขึ้นสู่ 63.5 จาก 62 ในเดือนมีนาคม ต่ำสุดในรอบ 4 เดือน แต่สอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์คาด ผู้บริโภคคาดการณ์ว่าเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้น 4.6% ในช่วง 1 ปีข้างหน้า จากระดับ 3.6% ในการสำรวจเดือนที่แล้ว และในช่วง 5 ปีข้างหน้า ผู้บริโภคคาดการณ์ว่าเงินเฟ้อจะแตะระดับ 2.9% ไม่เปลี่ยนแปลงจากการสำรวจในเดือนที่แล้ว
การคาดการณ์เงินเฟ้อของผู้บริโภคทำให้นักลงทุนมองว่าเป็นการบ่งชี้ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังคงปรับขึ้นดอกเบี้ย ประกอบกับหลังการเผยแพร่ข้อมูลนายคริส วอลเลอร์ หนึ่งในคณะผู้ว่าการ กล่าวว่า เงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูง

ขณะเดียวกันเฟด รายงาน ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนมีนาคมลดลง 0.5% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน ซึ่งลดลงมากกว่า 0.1% ที่นักวิเคราะห์คาด เมื่อเทียบรายปี ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมลดลง 1.1% แต่ในไตรมาส ปรับตัวขึ้น 0.3% 1/2566 หลังลดลง 3.1% ในไตรมาส 4/2565 ซึ่งตรงกับเดือนต.ค.-ธ.ค.ของปีที่แล้ว

นอกจากนี้ ยอดค้าปลีกเดือนมีนาคมลดลง 1% การใช้จ่ายของผู้บริโภคลดลง 2 เท่าจาก 0.5% ที่คาดการณ์ไว้ จึงกลบผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน โดยกลุ่มธนาคาร เปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาดหลังการล่มสลายของ Silicon Valley Bank และ Signature Bank ในเดือนมีนาคม หุ้นเจพีมอร์แกน เชส เพิ่มขึ้น 7.5% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นภายในวันเดียวมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2020 ส่วนหุ้นซิตี้กรุ๊ป บวก 4.8% ขณะที่หุ้นเวลส์ ฟาร์โก ลดลง 0.1%
หุ้นแบล็คร็อค บริษัทบริหารสินทรัพย์รายใหญ่ที่สุดของโลก พุ่งขึ้น 3.1% หลังเปิดเผยผลกำไรไตรมาสแรกสูงเกินคาด

หุ้นยูไนเต็ดเฮลธ์แคร์ลดลงกว่า 2% แม้ผลการดเนินงานดีกว่าคาดและปรับคาดการณ์ผลการดำเนินงานทั้งปี 2023 ขึ้น
ในสัปดาห์หน้า นักลงทุนจับตาการเปิดเผยผลประกอบการไตรมาสแรกของบริษัทชั้นนำต่างๆ