HoonSmart.com>> ดัชนีดาวโจนส์ปรับเพิ่มขึ้น 101 จุด รอข้อมูลเงินเฟ้อและผลการดำเนินงานของกลุ่มธนาคารในสัปดาห์นี้ ด้านราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 96 เซนต์ ปิด 79.74 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วน Brent ลดลง 94 เซนต์ ปิด 84.18 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) ปิดวันที่ 10 เมษายน 2566 ที่ 33,586.52 จุด เพิ่มขึ้น 101.23 จุด หรือ 0.30% นักลงทุนวิเคราะห์ข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่เผยแพร่ในวันศุกร์ ซึ่งตลาดหยุดทำการเนื่องในวันอีสเตอร์ ในขณะที่รอการรายงานข้อมูลเงินเฟ้อและผลการดำเนินงานของกลุ่มธนาคารในสัปดาห์นี้
ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 4,109.11 จุด เพิ่มขึ้น 4.09 จุด, +0.10%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,084.36 จุด ลดลง 3.60 จุด, -0.03%
ตลาดหุ้นยุโรปและตลาดหุ้นลอนดอนปิดทำการ เนื่องในวันอีสเตอร์
ในช่วงแรกของการซื้อขายหลังวันหยุดยาวตลาดอ่อนตัวลง แต่ปรับตัวขึ้นในช่วงบ่ายหลังจากที่นักลงทุนวิเคราะห์ข้อมูลการจ้างงานที่เผยแพร่ในวันศุกร์แล้วมองว่า ตลาดแรงงานยังแข็งแกร่ง
อย่างไรก็ตามหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ปรับตัวลง โดยหุ้นแอปเปิลลดลง 1.6% หุ้นอัลฟาเบทลดลง 1.8% และฉุดให้ดัชนี Nasdaq ปิดลบ แต่หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมปรับตัวขึ้นและหนุนให้ดัชนีดาวโจนส์อยู่ในแดนบวก
หุ้นกลุ่มที่อ่อนไหวต่อภาวะเศรษฐกิจทั้งขนส่ง เซมิคอนดักเตอร์ หุ้นขนาดเลก็ปรับตัวขึ้น เป็นสัญญานว่าเศรษฐกิจแข็งแกร่งมากพอที่จะรับมือกับการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ครั้งหน้า
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีปรับตัวขึ้นมาที่ 3.42% อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 2 ปีปรับตัวขึ้นมาที่ 4.01%
เกร็ก บาสซุค จาก AXS Investments กล่าวว่า นักลงทุนกังวลว่าเศรษฐกิจจะถดถอยและตลาดดูเหมือนว่าจะอยู่ภายใต้แรงกดดันจากการตัดสินใจของเฟด จากข้อมูลเศรษฐกิจที่ยังมีทิศทางที่ผสมปนเปกัน ทำให้มีความไม่แน่นอนต่อนโยบายการเงินของเฟด แต่จากข้อมูลการจ้างงานที่แข็งแกร่ง เฟดอาจจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก
เมื่อวันศุกร์กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมีนาคมเพิ่มขึ้น 236,000 ตำแหน่ง จาก 326,000 ในเดือนกุมภาพันธ์ และต่ำกว่า 238,000 ตำแหน่งที่นักวิเคราะห์คาด อัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 3.5% จาก 3.6% ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าอาจจะทรงตัวที่ 3.6% ส่วนค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน เพิ่มขึ้น 0.3% เมื่อเทียบรายเดือน และเพิ่มขึ้น 4.2% เมื่อเทียบรายปี
หลังการรายงานข้อมูล นักลงทุนให้น้ำหนัก 65% ที่เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมวันที่ 2-3 พฤษภาคม
นักลงทุนจับตาการรายงานดัชนีราคาผู้บริโภคและกับดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนมีนาคมที่กำหนดเผยแพร่ในวันพุธ และวันพฤหัสบดีตามลำดับ ซึ่งจะบ่งชี้ว่าเฟดจะชะลอหรือยุติการปรับขึ้นดอกเบี้ยหรือไม่ โดยนักเศรษฐศาสตร์คาดว่าดัชนีราคาผู้บริโภคซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากผู้บริโภคจะเพิ่มขึ้น 0.3% จากเดือนกุมภาพันธ์ แต่จะลดลงเมื่อเทียบรายปีโดยเพิ่มขึ้นเพียง 5.2%
นักลงทุนจับตาการเผยแพร่รายงานการประชุมนโยบายการเงินครั้งที่แล้วของเฟดในวันพุธ รวมทั้งการรายงานผลประกอบการของธนาคารใหญ่ 3 รายคือ เจพีมอร์แกน เวลลส์ ฟาร์โก และซิตี้กรุ๊ป รวมทั้งหุ้นเฮลธ์แคร์รายใหญ่ ยูไนเต็ดเฮลธ์ กรุ๊ป ในปลายสัปดาห์
นักวิเคราะห์ประเมินว่าผลการดำเนินงานไตรมาสแรกของบริษัทใน S&P 500 จะลดลงติดต่อกันเป็นไตรมาสที่สอง โดยปรับลดคาดการณ์กำไรไตรมาสแรกลงมาเป็นเพิ่มขั้นเพียง 6.8% จากงวดเดียวกันของปีก่อน
ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคม ลดลง 96 เซนต์ หรือ 1.19% ปิดที่ 79.74 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนมิถุนายน ลดลง 94 เซนต์ หรือ 1.10% ปิดที่ 84.18 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล