อีสท์สปริง อินเวสท์เมนทส์ บริษัทจัดการลงทุน ในเครือบริษัทพรูเด็นเชียล แถลงข่าวอย่างเป็นทางการครั้งแรกหลังจากประกาศข้อตกลงซื้อหุ้นบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทหารไทย หรือ TMBAM จากธนาคารทหารไทย (TMB) สัดส่วน 65% เมื่อเดือน ก.ค. 2561 ซึ่งทำให้เห็นทิศทางข้างหน้าของ บลจ.ทหารไทย ที่จะ Active มากยิ่งขึ้น
นายกาย สแตร๊ปป์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร อีสท์สปริง อินเวสท์เมนทส์ กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงของบลจ.ทหารไทย หลังจากที่ อีสท์สปริง เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ คือ การเพิ่มคุณค่าของผลิตภัณฑ์และบริการที่จะมีให้กับลูกค้า ซึ่งมีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น
“กองทุนจะมีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น แม้แต่กองทุนตราสารหนี้ที่ บลจ.ทหารไทย ทำได้ดีอยู่แล้วนั้น แต่อีสท์สปริงที่มีความเชี่ยวชาญการลงทุนในภูมิภาคจึงมีศักยภาพที่จะทำให้ดีมากขึ้น และสำหรับกองทุนหุ้น ซึ่ง บลจ.ทหารไทย มีโดดเด่นด้าน Passive Fund แต่หลังจากนี้จะเพิ่มเติมการลงทุน Active Fund รวมทั้งการพัฒนาต่อไปที่กองทุนประเภท Multi-asset Investment และการขยายฐานลูกค้าไปยังนักลงทุนสถาบัน” นายกาย กล่าว
นายกาย กล่าวอีกว่า จากนี้จะเน้น 3 ส่วน ได้แก่ การสร้างโซลูชั่นการลงทุนที่ยอดเยี่ยม (Best In Class) ทั้งจากกลยุทธ์การลงทุนที่มีอยู่ของอีสท์สปริงหรือการพัฒนาขึ้นใหม่ การผสานการทำงานร่วมกันของทีมงานด้านการลงทุนเพื่อให้มั่นใจได้ถึงความชำนาญ และการเสริมสร้างช่องทางการจัดจำหน่าย ด้วยการมุ่งฝึกอบรมทีมงานโดยประยุกต์ใช้นวัตกรรมและโซลูชั่นด้านดิจิทัล
“อีสท์สปริง มีธุรกิจอยู่ใน 10 ประเทศ และประเทศไทยเป็นประเทศที่ 11 ซึ่งเราเชื่อวัฒนธรรมในการทำงานร่วมกัน และวัฒนธรรมที่สำคัญของ อีสท์สปริง คือ การดำเนินธุรกิจในภูมิภาคด้วยคนของภูมิภาค เพราะฉะนั้นเชื่อว่า ด้วยทีมของ บลจ.ทหารไทย รวมกับความสามารถของอีสท์สปริง จะนำพาความความสำเร็จมาสู่นักลงทุนไทย” นายกาย กล่าว
นอกจากนี้ นายกาย กล่าวอีกว่า สำหรับชื่อ บลจ.ทหารไทย ขณะนี้ยังอยู่ในระหว่างการหาข้อสรุปว่าเปลี่ยนชื่อหรือไม่ และหากเปลี่ยนจะเปลี่ยนเป็นชื่ออะไร ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในเดือน ธ.ค. 2561
นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทย ซึ่งถือหุ้น บลจ.ทหารไทย อีก 35% กล่าวว่า ธนาคารมีความตั้งใจจะขายหุ้น บลจ.ทหารไทย ทั้ง 100% เพื่อการเป็น Open Architecture อย่างแท้จริง ซึ่งตามข้อตกลงแล้ว บริษัท พรูเดนเชียล มีโอกาสซื้ออีก 35% ภายใน 3 ปี
“สาเหตุที่มีกรอบเวลา 3 ปี เพราะต้องการให้การเปลี่ยนผ่านทางธุรกิจเป็นไปด้วยความราบรื่น โดยที่ อีสท์สปริง เข้ามาพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ยกระดับความสามารถบุคลากรของ บลจ.ทหารไทย โดยที่ยังมีธนาคารทหารไทยอยู่ด้วย เพื่อจะได้เรียนรู้ร่วมกัน เนื่องจาก TMB เข้าใจตลาดประเทศไทย อีสท์สปริงมีความรู้ด้านเทคโนโลยี การบริหารจัดการ ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้ช่วงเวลา 3 ปีนี้เป็นลานบินที่ยาวเพียงพอให้พันธมิตรของเรา take off ได้” นายปิติ กล่าว
นอกจากนี้ นายปิติ กล่าวอีกว่า แม้ว่า TMB จะเป็น Open Architecture ที่สามารถขายกองทุนจากหลากหลาย บลจ. ได้ แต่อย่างน้อยจะต้องมีพันธมิตรหลักที่ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด นั่นคือ บลจ.ทหารไทย และในอนาคต แม้ว่า TMB จะขาย TMBAM ไปทั้ง 100% แต่ความเป็นพันธมิตรหลักก็ยังคงอยู่
“คนที่สำคัญที่สุด คือ ลูกค้า ถ้าทำคนเดียวอาจะทำได้ไม่ทันความต้องการลูกค้า เพราะฉะนั้นต้องหาผลิตภัณฑ์ที่ลูกค้าต้องการมาเสนอขาย แต่มาถึงจุดหนึ่ง ต่อให้มีพันธมิตรในประเทศกี่รายก็ตาม แต่เราก็ต้องการพันธมิตรต่างประเทศ เพื่อรองรับการลงทุนในต่างประเทศ เพราะประเทศไทยเปิดกว้างสำหรับการลงทุนต่างประเทศ เห็นได้จากมูลค่าเงินลงทุนในกองทุนรวม 5 ล้านล้านบาทนั้นเป็นการลงทุนต่างประเทศมีถึง 1 ล้านล้านบาท” นายปิติ กล่าว
ด้าน นายนิค นิแคนดรู ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พรูเด็นเชียล คอร์ปอเรชั่น เอเชีย กล่าวว่า การบรรลุข้อตกลงเข้าถือหุ้นและการร่วมเป็นพันธมิตรสนับสนุนการขายครั้งนี้จะช่วยตอกย้ำความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจของพรูเด็นเชียลในประเทศไทยและจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการเติบโตในประเทศไทย ทั้งด้านการดูแลความมั่งคั่งของคนไทย รวมทั้งจะเป็นส่วนเสริมธุรกิจประกันชีวิตที่กำลังเติบโตได้เป็นอย่างดี
“สำหรับเป้าหมายทางธุรกิจของ พรูเด็นเชียล แน่นอนว่าในการทำธุรกิจ ผู้บริหารต้องการผลตอบแทนที่ดีต่อผู้ถือหุ้น แต่สิ่งที่สำคัญไม่น้อยไปกว่ากัน คือ การมองระยะยาว และสิ่งที่ต้องสร้าง คือ ความสำเร็จอย่างยั่งยืนในธุรกิจ และมากไปกว่านั้น คือ การตอบสนองความต้องการด้านการลงทุนของคนไทย” นายนิค กล่าว