YLG ลุ้นเป้าทองปีนี้ 2,200 ดอลล์ ราคาน้ำมันรีบาวด์ดันหุ้นกลุ่ม ปตท.

HoonSmart.com>>”วายแอลจี”มองวิกฤตธนาคารสหรัฐ-ยุโรปไม่จบง่าย จับตาเฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในปีนี้ ปรับเป้าหมายทองคำเป็น 2,075-2,200 ดอลลาร์ หนุนราคาในประเทศถึง 33,800 บาท แนะลงทุนผ่าน Gold Online Futures หมดปัญหาเงินบาทผันผวน CIMB คาดปลายปีแข็งค่าแตะ 33 บาท/ดอลลาร์ หุ้นไทยขึ้นตามต่างประเทศ ราคาน้ำมันดิบรีบาวด์หนุนหุ้นกลุ่มปตท.วิ่งเกือบยกแผง ทิ้งตระกูล J หนักหน่วง

นางสาวฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส (YLG) ตัวแทนซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในตลาดล่วงหน้า (TFEX) เปิดเผยว่า ตั้งแต่ต้นปีจนถึงวันที่ 21 มี.ค.2566 ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นมาแล้วประมาณ 7.85% จากที่เปิดตลาดประมาณ 1,823 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ ทำระดับสูงสุดของปีที่ 2,009 ดอลลาร์สหรัฐ ถือเป็นการทำราคาสูงสุดใหม่ทุกวันนับจากวันศุกร์ที่ผ่านมาและเป็นการปรับขึ้นสูงสุดนับจากเดือนเม.ย. 2565 และถือว่าเข้ามาใกล้จุดสูงสุดในประวัติการณ์ที่ 2,075 ดอลลาร์สหรัฐ

ปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากการกลับเข้ามาเติมเงินสู่ระบบของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) หลังจากเกิดปัญหาการขาดสภาพคล่องของกลุ่มธนาคารในสหรัฐและลุกลามมาสู่ยุโรป ส่งผลให้นักลงทุนจับตาดูธนาคารแห่งอื่นๆที่เผชิญปัญหาเดียวกันอาจจะมีมากกว่าที่เป็นอยู่ แม้ว่าเฟดและกระทรวงการคลังของสหรัฐจะออกมาตรการให้สถาบันการเงินขนาดใหญ่เติมสภาพคล่องสู่ระบบ แต่ธนาคารท้องถิ่นของแต่ละรัฐมีจำนวนมาก จึงทำให้นักลงทุนยังมองว่ามีความเสี่ยง ดังนั้นสินทรัพย์ปลอดภัยโดยเฉพาะทองคำจึงมีแรงซื้อเข้ามา นอกจากนี้ตลาดยังคาดการณ์ว่าเฟดจะชะลอความเข็งแกร้าวในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย รวมถึงกองทุน SPDR ซึ่งเป็นกองทุนทองคำขนาดใหญ่ก็เริ่มคงเข้าซื้อทองคำ จึงหนุนให้ทองคำพุ่งอย่างแข็งแกร่ง

“วายแอลจีได้ปรับเป้าหมายราคาทองคำจากต้นปีที่ประเมินไว้ที่ 2,000 ดอลลาร์สหรัฐ เป็น 2,075-2,200 ดอลลาร์สหรัฐ  สำหรับนักลงทุนที่ต้องการเข้าซื้อสามารถทำได้แบบเก็งกำไรระยะสั้น เพราะราคาปรับขึ้นไปค่อนข้างมากแล้ว มีโอกาสเจอแรงขายทำกำไร แถวๆ 2,075-2,200 ดอลลาร์สหรัฐ แต่ถ้าต้องการซื้อสะสม แนะนำให้รอราคาปรับตัวลง แถวๆ 1,804-1,786 ดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นเงินไทยประมาณ กรอบแนวรับ 29,350-29,100 บาท  แนวต้าน 33,800 บาท

อย่างไรก็ดีทองคำแม้ว่าราคาทองคำจะเป็นทิศทางแกว่งตัวสู่ขาขึ้น แต่วายแอลจียังคงแนะนำสัดส่วนการลงทุนทองคำที่ดีควรมีทองคำ 5-10% ของพอร์ตการลงทุนเพื่อลดความผันผวนของพอร์ตลงทุนรวม โดยไม่แนะนำให้ไล่ราคาเพราะทองคำขึ้นมาใกล้จุดสูงสุดอาจจะมีแรงขายทำกำไรได้

ทั้งนี้นักลงทุนสามารถลงทุนทองคำผ่านตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า โดยเฉพาะการลงทุนในโกลด์ออนไลน์ฟิวเจอร์ส (Gold Online Futures) ที่เป็นการซื้อขายทองคำล่วงหน้าในรูปแบบดอลลาร์สหรัฐ ทำให้นักลงทุนไม่ต้องมีความกังวลด้านความเสี่ยงจากการผันผวนของค่าเงินบาท  นอกจากนี้วายแอลจียังเพิ่มทางเลือกให้นักลงทุนด้วยการจับมือกับ CME Group ตลาดซื้อขายสัญญาล่วงหน้าที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ ครอบคลุมบริการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าครบวงจร เพิ่มทางเลือกให้ที่สนใจลงทุนในตลาดล่วงหน้าที่มีสินค้าให้เลือกลงทุนอย่างครบถ้วน ทั้งสินค้าโภคภัณฑ์ สกุลเงิน หุ้น ไปจนถึงสินทรัพย์ดิจิทัล

ด้านราคาทองคำวันที่ 22 มี.ค.มีการเปลี่ยนแปลง5 ครั้ง รวมลดลงบาทละ 300 บาท ทองคำแท่งรับซื้อที่ 31,550 บาท ขายออก 31,650 บาท ทองรูปพรรณรับซื้อ 30,987.04 บาท ขายออก 32,150 บาท ราคาSpot อยู่ที่ 1,942 ดอลลาร์

ตลาดหลักทรัพย์วันที่ 22 มี.ค.2566 ดัชนีปิดที่ระดับ 1,585.08 จุด เพิ่มขึ้น 7.90 จุด หรือ +0.50% มูลค่าซื้อขาย 51,001.11 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 1,103.63 ล้านบาท ซื้อสัญญาล่วงหน้า 9,564 สัญญา ส่วนสถาบันไทยซื้อสุทธิ 1,748.85 ล้านบาท โดยมีแรงซื้อหุ้นเข้ามาในครอบครัวปตท. ส่งผลให่ราคาปรับตัวขึ้นโดดเด่น เนื่องจากราคาน้ำมันรีบาวด์ ขณะที่เกิดแรงขายหุ้นแบงก์ใหญ่ KBANK รวมถึงหุ้นในตระกูล J

นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นวันนี้ปรับตัวขึ้นตามตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เคลื่อนไหวในแดนบวกได้ดี 1% กว่า ขณะที่ตลาดในยุโรปเทรดบ่ายนี้ติดลบเล็กน้อยหลังจากขึ้นแรงเมื่อวานนี้ ท่ามกลางรอดูผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คืนนี้ ซึ่งคาดว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% หลังจากนั้นก็จะตรึงอัตราดอกเบี้ยไปอีกนาน

ทั้งนี้ หุ้นที่ฟื้นตัวดีเป็นหุ้นในกลุ่มพลังงาน และกลุ่มที่ไม่เกี่ยวข้องกับอัตราดอกเบี้ยโดยตรง ซึ่งเล่นอิงการเปิดประเทศของจีน และเล่นอิงเศรษฐกิจดีขึ้น อย่างหุ้นในกลุ่มท่องเที่ยว และกลุ่มค้าปลีก ปรับตัวขึ้นได้ด้วย ส่วนหุ้นที่อิงดอกเบี้ยก็จะไม่ดีเท่าไร อย่างไรก็ดี สำหรับผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนไตรมาส 1/66 มีแนวโน้มดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 4/65 โดยเฉพาะกลุ่มพลังงานผลประกอบการจะดีขึ้นแน่เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/65

ส่วนแนวโน้มตลาดหุ้นในวันพรุ่งนี้ (23 มี.ค) ตลาดยังมีโอกาสปรับตัวขึ้น หากผลประชุมเฟดไม่มี Surprise อะไร โดยมีแนวรับ 1,577 จุด แนวต้าน 1,600 จุด

สมาคมเศรษฐศาสตร์ธรรมศาสตร์ จัดสัมมนาเศรษฐกิจประจำปี 2566 โดยนายอมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สำนักวิจัย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย (CIMBT) คาดการณ์ว่า ปีนี้เศรษฐกิจไทยจะเติบโตได้ราว 3.4% ท่ามกลางปัจจัยเสี่ยงที่ยังต้องเผชิญอีกมาก โดยเฉพาะปัจจัยจากต่างประเทศ ภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว แต่ยังไม่ถึงขั้นถดถอย ปัญหาสถาบันการเงินขาดสภาพคล่อง ซึ่งจะมีผลกระทบมาถึงภาคการส่งออกของไทยได้

ส่วนแนวโน้มค่าเงินบาท คาดปลายปีจะเคลื่อนไหวที่ 33 บาท/ดอลลาร์ จากปัจจุบันอยู่ที่บริเวณ 34.5-35.00 บาท เพราะการท่องเที่ยวที่ดีขึ้นอาจจะทำให้เกินดุลบัญชีเดินสะพัดได้