HoonSmart.com>> บล.พาย แนะกลยุทธ์สำหรับนักลงทุนระยะกลางถึงยาว เน้นสะสมหุ้นขนาดใหญ่ที่เป็นผู้นำ ชี้เป้า ADVANC, AOT, CPALL, HMPRO, MINT พร้อมคัดหุ้นเด่นชู KBANK , CPALL ตลาดหุ้นสัปดาห์นี้ รอประชุมเฟดรู้ผลเช้า 22 มี.ค.นี้
นายวทัญ จิตต์สมนึก ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า สัปดาห์นี้นักลงทุนจะให้น้ำหนักกับผลประชุม FED ที่จะทราบผลอย่างเป็นทางการในวันพฤหัสช่วงเช้าตามเวลาประเทศไทย สำหรับผลประชุมครั้งนี้ CME FED Watch ส่วนมาก 62% ที่ FED จะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ขณะที่อีก 38% ให้น้ำหนักคงดอกเบี้ยที่ระดับเดิม ทั้งนี้หากประกาศขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ก็มองว่าไม่มีผลอะไรมากกับการลงทุน แต่สิ่งที่นักลงทุนจะให้น้ำหนักได้แก่ถ้อยแถลงจากการประชุมและมุมมองต่อภาวะเศรษฐกิจรวมถึงปัญหาที่เกิดขึ้นกับธนาคารต่างๆว่า FED จะมีวิธีจัดการหรือช่วยเหลืออย่างไร
ปัจจัยอื่นๆได้แก่ (1) ยอดขายบ้านมือสองของสหรัฐฯในวันอังคาร Bloomberg ประเมินไว้ที่ 4.19 ล้านหลังคาเรือน (2) ยอดขายบ้านใหม่ในสหรัฐฯ Bloomberg ประเมินไว้ที่ 6.5 แสนหลังคาเรือน
ด้านตลาดหุ้น Dow Jones คืนวันศุกร์ปิดลบ 1.19% นักลงทุนกังวลกับวิกฤตในธนาคารอีกครั้งหลังจากที่ SVB ที่เป็นบริษัทแม่ของ Silicon Valley Bank ได้ประกาศล้มละลาย ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปรับตัวลง 2.3% กังวลกับปัญหาธนาคารต่างๆ
ส่วนในประเทศรัฐบาลได้เตรียมแผนประกาศยุบสภาเบื้องต้นเราเชื่อว่าจะเกิดภายในสัปดาห์นี้ โดยการยุบสภาเปรียบเสมือนกับการทำให้ความเป็นสมาชิกของสภาผู้แทนราษฎรสิ้นสุดลง ตามกฎหมายแล้วหลังจากประกาศยุบสภาจำเป็นต้องจัดการเลือกตั้งใหม่ภายใน 45 – 60 วัน ดังนั้นหากรัฐบาลตัดสินใจประกาศยุบสภาสัปดาห์หน้า การเลือกตั้งไทยอย่างไม่เป็นทางการจะไม่เกินไปกว่าปลายเดือน พ.ค. หรือเร็วสุดช่วงต้นเดือน พ.ค. สถิติการเลือกตั้งปี 2019 พบว่าก่อนการเลือกตั้ง 3 เดือนพบว่า SET INDEX ให้ผลตอบแทนเป็นบวก 3.5% โดยกลุ่มที่โดดเด่นสุดจะได้แก่ค้าปลีก อาหาร และรับเหมาก่อสร้าง
ขณะที่เชิงปัจจัยพื้นฐานพบว่ารายได้ในกลุ่มค้าปลีก (BJC, CPALL, COM7, HMPRO, DOHOME, GLOBAL) พบว่ารายได้ช่วง 1Q19 (ช่วงที่มีการเลือกตั้งในปี 2019) พบว่ารายได้รวมอยู่ที่ 2.08 แสนล้านบาท (+0.8%QoQ +10.4%YoY) จากข้อมูลเบื้องต้นก็พอตีความได้ว่าช่วงเลือกตั้งได้มีเม็ดเงินสะพัดลงไปจนทำให้รายได้มีการขยายตัวเล็กน้อย (YoY เรามิได้ให้น้ำหนักมากนักเนื่องจากบริษัทต่างๆอาจมีการขยายสาขาหนุนรายได้ขยายตัวขึ้น)
สัปดาห์นี้ประเมิน SET INDEX เคลื่อนไหวในกรอบ 1550 – 1580 เชิงกลยุทธ์การลงทุนนักลงทุนระยะกลางถึงยาวยังเน้นสะสมเช่นเดิมเน้นหุ้นขนาดใหญ่ที่เป็นผู้นำ (ADVANC, AOT, CPALL, HMPRO, MINT) ส่วน Trading แนะนำ ศูนย์การค้า (CPN) ธนาคารพาณิชย์ (BBL, KBANK, SCB, TTB, TISCO) ค้าปลีก (BJC, CRC, CPALL, HMPRO) โรงพยาบาล (BDMS) รับเหมา (CK, STEC)
หุ้นแนะนำ ได้แก่ KBANK (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 170.00 บาท) เล็งเห็นโอกาสที่ค่าใช้จ่ายสำรองหนี้สูญจะลดลงหลังการระบายงบดุลสิ้นสุดลงในปี 2023 คาดค่าใช้จ่ายสำรองหนี้สูญจะค่อย ๆ ลดลงเป็น 200/180/160bps ในปี 2023-25 ตามลำดับ เราจึงคงมองว่ากำไรสุทธิของ KBANK จะพลิกเป็นบวกระดับ 16% ในปี 2023 และ 15% ในปี 2024-25
หุ้น CPALL (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 72.00 บาท) เลือก CPALL เป็นหุ้นเด่นเหนือตัวอื่นเพราะคาดว่าจะมี SSSG ที่สูงสุดของกลุ่มในช่วงครึ่งแรกปี 2023 หนุนจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ฟื้นตัวและการเลือกตั้งในไทย