CK คาดปีนี้โกยรายได้3.5หมื่นล้าน

ช.การช่าง คาดรายได้ปีนี้ 3-3.5 หมื่นล้านใกล้เคียงปีที่แล้ว พร้อมรับปันผลบริษัทลูกกว่า 1 พันล้านบาท ดันกำไรโตต่อเนื่อง ลั่นลุยประมูลงานรัฐปีนี้ 4 แสนล้าน คาดได้งานในมือเพิ่มอีก 1 แสนล้านบาท

น.ส.สุภามาส ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ช.การช่าง หรือ CK เปิดเผยระหว่างการประชุมผู้ถือหุ้นประจำปี 2561 วันนี้ (27 เม.ย.) ว่า ปีนี้คาดว่าบริษัทจะมีรายได้งานก่อสร้าง 3-3.5 หมื่นล้านบาทใกล้เคียงกับปีแล้ว และจะรับรู้รายได้จากเงินปันผลของบริษัทลูก 3 แห่งอีกประมาณ 1,000 ล้านบาท ส่วนปีหน้าคาดว่าส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทลูกจะเติบโตอย่างก้าวกระโดดจากโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรีของบริษัท ซีเค พาวเวอร์ หรือ CKP ที่จะจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบในเดือนต.ค.2562

“เราตั้งเป้ามีรายได้จากงานก่อสร้าง 3-3.5 หมื่นล้านบาท แต่เราจะพยายามทำให้ดีกว่านั้น และเมื่อรวมกับเงินปันผล จะทำให้ปีนี้เรามีกำไรดีขึ้นกว่าปีที่แล้ว และแม้ว่าในปี 2560 รายได้และกำไรของเราจะลดลงจากปี 2559 ที่มีการรับรู้รายได้จากสัญญาสร้างเขื่อนไซยะบุรีที่เพิ่มเข้ามา 1 หมื่นล้านบาท แต่จะพบว่าอัตรากำไรขั้นต้น และอัตรากำไรสุทธิปี 2560 ดีกว่าตอนที่เรามีรายได้เพิ่มขึ้นในปี 2559”น.ส.สุภามาสกล่าว

ส่วนการเปิดประมูลโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นภาครัฐปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 4 แสนล้านบาท ทาง ช.การช่างพร้อมเข้าร่วมประมูลทุกโครงการ ทั้งโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษ โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงส่วนต่อขยาย โครงการรถไฟทางคู่ และโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน โดยคาดว่าบริษัทจะได้งานมาประมาณ 20-25% ของงานที่เข้าประมูลหรือคิดเป็นมูลค่างานที่คาดว่าได้มาในปีนี้อีก 1 แสนล้านบาท

“การประมูลโครงการภาครัฐปีที่แล้วอาจล่าช้าไปบ้าง เพราะหลังจากพ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างฯ ฉบับใหม่มีผลบังคับใช้ ทำให้ทุกหน่วยงานที่จะเปิดประมูลโครงการต้องไปรีวิวทีโออาร์กันใหม่ และตอนนี้ทุกหน่วยงานน่าจะคุ้นเคยกับพ.ร.บ.ฉบับใหม่แล้ว จึงคาดว่าการเปิดประมูลโครงการภาครัฐปีนี้น่าจะไปถึง 4 แสนล้านบาท จากโครงการเร่งด่วนที่ภาครัฐเตรียมเปิดประมูลกว่าล้านล้านบาท ส่วนการที่หลายหน่วยงาน เช่น การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ยังไม่มีผู้ว่าการฯ ไม่น่าจะกระทบต่อการประมูล เพราะทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการอยู่แล้ว”น.ส.สุภามาสกล่าว

ณ สิ้นปี 2560 ช.การช่าง มีโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง 27 โครงการ มูลค่า 231,297 ล้านบาท และมีงานที่รอรับรู้รายได้คงเหลือ (backlog) 72,233 ล้านบาท