OSP มั่นใจครึ่งหลังดีขึ้น-รง.เดินเครื่องปกติหนุนทั้งปีโต

“โอสถสภา” มั่นใจผลงานครึ่งปีหลังดีขึ้น โรงงานผลิตขวดแก้วเดินเครื่องได้ตามปกติหลังปิดปรับปรุง พร้อมบริการจัดการต้นทุนเพิ่มมาร์จิ้น คาดหนุนกำไรปีนี้โตกว่าปีก่อน พร้อมศึกษาขยายตลาดไปจีนและเวียดนามคาดชัดเจนปี 62

นางพรธิดา บุญสา กรรมการบริหารและรองกรรมการผู้จัดการสายการเงิน บริษัท โอสถสภา (OSP) เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าผลดำเนินงานในครึ่งปีหลังจะดีกว่าครึ่งปีแรก หลังจากโรงงานผลิตขวดแก้วกลับมาเดินเครื่องได้ตามปกติหลังจากปิดปรับปรุงซ่อมบำรุงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ นอกจากนี้บริษัทฯ มีแผนบริหารจัดการต้นทุนด้านต่างๆ เพื่อสร้างมาร์จิ้นให้มากขึ้น จึงคาดว่ารายได้และกำไรในปีนี้จะดีกว่าปีก่อนที่มีรายได้ 26,509.81 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 2,833.67 ล้านบาท

สำหรับภาพรวมเศรษฐกิจในประเทศมองว่า กำลังซื้อของคนในประเทศจะปรับตัวดีขึ้น ตามการเติบโตของเศรษฐกิจไทย หลังจากการส่งออกขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และภาครัฐมีการลงทุนโครงการโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เชื่อว่าจะส่งผลให้กำลังซื้อของประชาชนในประเทศปรับตัวดีขึ้นอีก

นอกจากนี้บริษัทฯ อยู่ระหว่างขยายตลาดกลุ่มเครื่องดื่มบำรุงไปยังประเทศเพื่อนบ้านมากขึ้น รวมถึงเวียดนามและจีน จากปัจจุบันมีตลาดหลักในเมียนมา กัมพูชาและสปป.ลาว ซึ่งคาดว่าจะเห็นความชัดเจนในปี 62 โดยมีแผนเพิ่มสัดส่วนรายได้จากการส่งออกใน 3-5 ปี เพิ่มขึ้นอยู่ระดับ 20-30% จากปัจจุบันอยู่ที่ 16%

นายเพชร โอสถานุเคราะห์ ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท โอสถสภา กล่าวว่า บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนครั้งแรก (IPO) ในครั้งนี้จำนวน 15,094 ล้านบาท มาขยายธุรกิจและปรับปรุงโรงงาน ในเบื้องต้นจะใช้ในการก่อสร้างโรงงานผลิตเครื่องดื่มแห่งใหม่ในเมียนมาราว 2.42 พันล้านบาท คาดว่าจะเริ่มการผลิตได้ในช่วงไตรมาส 4/62 ขณะเดียวกันจะใช้ในการชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน

นางวรรณิภา ภักดีบุตร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โอสถสภา เปิดเผยว่า บริษัทฯ คาดว่าจะสามารถเปิดโรงงานผลิตเครื่องดื่มแห่งใหม่ที่ประเทศเมียนมาร์ได้ภายในไตรมาส 4/62 เพื่อผลิตสินค้าออกสู่ตลาด รองรับการเติบโตของตลาดที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นทุกปี ซึ่งจะส่งผลดีต่อการเติบโตที่ยั่งยืนในอนาคต จากปัจจุบันที่ OSP มีสัดส่วนมูลค่าค้าปลีกเครื่องดื่มบำรุงกำลังเป็นอันดับหนึ่งสำหรับปี 2560 นอกจากนี้ บริษัทฯ จะเร่งปรับปรุงการผลิต การจัดจำหน่ายและปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตของฐานการผลิตในประเทศไทยให้ดียิ่งขึ้น เพื่อรองรับแผนงานขยายธุรกิจไปในภูมิภาคนี้เพิ่มเติม

“เรามีความพร้อมในการรุกใหญ่ขยายธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภคในภูมิภาคนี้เพิ่มเติม เนื่องจากขีดความสามารถการแข่งขันในการทำตลาด ตลอดจนแบรนด์สินค้าในกลุ่มเครื่องดื่มที่ไม่ผสมแอลกออฮล์และของใช้ส่วนบุคคลที่มีความแข็งแกร่ง และช่องทางการจัดจำหน่ายที่ครอบคลุมจะเข้ามาช่วยสนับสนุนการเติบโตที่ดีและรักษาตำแหน่งเป็นหนึ่งในผู้นำตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคในภูมิภาคนี้ไว้ได้” นางวรรณิภา กล่าว

ทั้งนี้ OSP เป็นผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคชั้นนำของไทยและในหลายประเทศในภูมิภาคอาเซียน

สำหรับราคาหุ้น OSP เข้าซื้อขายวันแรก 17 ต.ค.นี้ได้รับความสนใจจากนักลงทุน หนุนราคาเปิด 30 บาท เพิ่มขึ้น 5 บาท หรือ 20% จากราคา IPO และปิดตลาดภาคเช้าอยู่ที่ 28.50 บาท เพิ่มขึ้น 3.25 บาท หรือ 13% มูลค่าการซื้อขาย 11,272.73 ล้านบาท

อ่านประกอบ

“โอสถสภา” รายได้ลด กดไตรมาส 2 กำไรวูบ 6.9 %

‘นิติ โอสถานุเคราะห์’ กำเงินสด 3.37 พันล.