ดาวโจนส์ปิดบวก 387 จุด บอนด์ยีลด์อ่อนตัวต่ำกว่า 4%

HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดบวก ดัชนีดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 387 จุด หลังบอนด์ยีลด์อายุ 10 ปี อ่อนตัวลงที่ 3.9640% ข้อมูลภาคบริการเดือนก.พ.ที่บ่งชี้การขยายตัวกิจกรรมทางเศรษฐกิจอ่อนตัวเล็กน้อย นักลงทุนประเมินผลการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดและวิเคราะห์ความเห็นเจ้าหน้าที่เฟด ราคาน้ำมันดิบ WTI ดีดขึ้น 1.52 ดอลลาร์ กว่า 1.94% ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดบวกตามหุ้นโลก

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) ปิดวันที่ 3 มีนาคม 2566 ปิดที่ 33,003.57 จุด 33,390.97 จุด เพิ่มขึ้น 387.40 จุด หรือ 1.17% อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอ่อนตัวลง ขณะที่นักลงทุนประเมินผลของการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) และวิเคราะห์การแสดงความเห็นของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,045.64 จุด เพิ่มขึ้น 64.29 จุด, +1.61%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,689.01 จุด เพิ่มขึ้น 226.02 จุด, +1.97%

ในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 1.75% ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 1.9% และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 2.58%

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีลดลงมาที่ 3.9640% ต่ำกว่า 4% ซึ่งเป็นระดับที่ชี้วัดการลดลงของตลาดหุ้น หลังข้อมูลภาคบริการในเดือนกุมภาพันธ์บ่งชี้การขยายตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ

สถาบันจัดการด้านอุปทาน (ISM) รายงานดัชนีภาคบริการเดือนกุมภาพันธ์อ่อนตัวเล็กน้อยลงมาที่ 55.1 จาก 55.2 ในเดือนมกราคม แต่สูงกว่า 54.5 ที่นักวิเคราะห์คาด
แอนดรูว์ ฮันเตอร์ รองหัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์เศรษฐกิจจาก Capital Economics ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ข้อมูลภาคบริการบ่งชี้ว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจยังขยายตัวดี แต่ก็เป็นสาเหตุทำให้ไม่แน่ใจว่าการเติบโตจะกลับมาตั้งแต่ต้นปีหรือไม่

ด้านเอสแอนด์พี โกลบอลรายงาน ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนกุมภาพันธ์ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 50.6 จาก 46.8 ในเดือนมกราคม และสูงกว่าตัวเลขเบื้องต้นที่ระดับ 50.5

ขณะเดียวกันเฟดเผยแพร่รายงานนโยบายการเงินรอบครึ่งปีต่อรัฐสภา ให้รายละเอียดว่า แผนการปรับขึ้นดอกเบี้ยนั้นเพื่อฟื้นฟูเสถียรภาพราคา โดยเจ้าหน้าที่เฟดบ่งชี้ว่า การปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องในกรอบเป้าหมายนั้นมีความเหมาะสมเพื่อให้บรรลุจุดยืนนโยบายการเงินเข้มงวดมากพอที่จะดึงเงินเฟ้อกลับมาที่ 2% ในระยะเวลาหนึ่ง

ในวันพฤหัสบดีตลาดได้รับแรงหนุนจากการให้ความเห็นของนายราฟาเอล บอสติก ประธานเฟดสาขาแอตแลนตา ที่สนับสนุนให้เฟดขึ้นดอกเบี้ย 0.25% มากกว่าที่จะขึ้น 0.50%

อย่างไรก็ตามนายคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ หนึ่งในคณะผู้ว่าการเฟด เพิ่มความเป็นไปได้ที่อัตราดอกเบี้ยสุดท้ายจะสูงขึ้นอีกหากตัวเลขเงินเฟ้อไม่ลดลง โดยชี้ไปที่รายงานการจ้างงานเดือนมกราคมที่เพิ่มขึ้น 517,000 ตำแหน่ง และตัวเลขดัชนีCPI ล่าสุด “หาข้อมูลยังคงร้อนแรง กรอบอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะต้องปรับขึ้นในปีนี้เพื่อไม่ให้แรงส่งอ่อนตัวลงก่อนการรายงานข้อมูลเดือนมกราคม”

หุ้นแอมะซอนบวก 3% หลังระงับการก่อสร้างสำนักงานใหญ่แห่งที่สองที่รัฐเวอร์จิเนีย

หุ้นเมตา แพลตฟอร์มส บวก 6% หลังประกาศลดราคาหูฟัง Quest Pro virtual-reality

ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวเพิ่มขึ้น ตามตลาดหุ้นโลก นำโดยกลุ่มรถยนต์ที่บวก 3.6% กลุ่มเหมืองแร่เพิ่มขึ้น 2.2% ขณะที่นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นด้วยความเชื่อมั่นมากขึ้นหลังมีสัญญานการฟื้นตวของเศรษฐกิจจีน แม้คาดการณ์ว่าธนาคารกลางยุโรปจะยังคงปรับขึ้นดอกเบี้ย ซึ่งส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไปแตะระดับสูงสุดในรอบหลายปี

นักลงทุนยังประเมินแนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ หลังข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดบ่งชี้ว่า อาจจะต้องปรับดอกเบี้ยสูงขึ้นอีกนาน

หุ้นโฟล์คสวาเกนเพิ่มขึ้น 11.2% หลังคาดการณ์แนวโน้มปี 2023 ที่ดีกว่าคาด

ข้อมูลเงินเฟ้อทั่วทั้งยุโรปสูงกว่าคาด โดยเงินเฟ้อทั่วเบื้องต้นของยูโรโซนแม้อ่อนตัวลงจาก 8.6% มาที่ 8.5% แต่สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดส่วนเงินเฟ้อพื้นฐานเพิ่มขึ้นจาก 5.3% มาที่ 5.6%

นางคริสตีน ลาการ์ด ประธานธนาคารกลางยุโรปกล่าวในวันพฤหัสบดีว่า การดึงเงินเฟ้อให้ลงมาที่ 2% นั้นต้องใช้เวลา และการส่งสัญญานปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมเดือนมีนาคมนั้นยังคงอยู่

ดัชนี PMI ยูโรโซนเดือนกุมภาพันธ์ลดลง

ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 464.26 จุด เพิ่มขึ้น 4.24 จุด หรือ +0.92%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,947.11 จุด เพิ่มขึ้น 3.07 จุด หรือ +0.04%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,348.12 จุด เพิ่มขึ้น 63.90 จุด หรือ +0.88%,
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,578.39 จุด เพิ่มขึ้น 250.75 จุด หรือ +1.64%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนเมษายน พุ่งขึ้น 1.52 ดอลลาร์ หรือ 1.94% ปิดที่ 79.68 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคม เพิ่มขึ้น 1.08 ดอลลาร์ หรือ 1.27% ปิดที่ 85.83 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล