AGE โชว์ปี 65 กำไรนิวไฮปันผลหุ้น-เงินสดเพิ่ม ตั้งเป้าปีนี้รายได้ 2.34 หมื่นล.

HoonSmart.com>> “เอเชีย กรีน เอนเนอจี” ท็อปฟอร์ม โชว์กำไรทำสถิติต่อเนื่องปี 2565 พุ่งทะยานสูงสุดเป็นประวัติการณ์ รายได้รวม แตะ 1.88 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 46% กำไรสุทธิแตะ 1,248 ล้านบาท โต 95.6% บอร์ดเคาะปันผลเป็นครั้งที่สองจ่าย “หุ้นปันผล 10 ต่อ 1 หุ้น และเงินปันผล 0.2256 บาท” จ่อ XD 14 มี.ค.นี้ พร้อมตั้งเป้ารายได้ปี 66 อยู่ที่ 2.34 หมื่นล้านบาท

นายพนม ควรสถาพร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอเชีย กรีน เอนเนอจี จำกัด (มหาชน) (“AGE”) ผู้จัดจำหน่ายถ่านหินบิทูมินัส (ถ่านหินสะอาด) และผู้ให้บริการด้านโลจิสติสก์แบบครบวงจร ขนส่งทางน้ำ-ทางบก-ท่าเรือ-คลังสินค้า แจ้งผลการดำเนินงาน ประจำงวดปี 2565 โดยบริษัทฯ มีรายได้จากการขายและบริการ 18,815.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 46% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา (YoY) และมีอัตรากำไรสุทธิในปี 2565 ปรับตัวเพิ่มขึ้น แตะระดับ 1,248 ล้านบาท หรือ 95.6 % ซึ่งผลการดำเนินงานดังกล่าวถือเป็นการทำสถิติออลไทม์ไฮ และมีปริมาณการขายถ่านหินรวมในปี 2565 อยู่ที่ 4.1 ล้านตัน โดยแบ่งเป็นปริมาณการขายถ่านหินในต่างประเทศ ที่ 0.26 ล้านตัน และปริมาณการขายถ่านหินในประเทศ ที่ 3.8 ล้านตัน

ขณะที่รายได้จากธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์ ในปี 2565 อยู่ที่ 2,074 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.7% (YoY) แบ่งเป็นรายได้จากการให้บริการกับกลุ่มบริษัทในเครือ AGE จำนวน 1,462 ล้านบาท และรายได้จากให้บริการกับกลุ่มลูกค้าภายนอกซึ่งรวมรายได้จากการขายน้ำมัน และสินค้าเกษตร อยู่ที่ 612 ล้านบาท

“ปัจจัยที่ทำให้ผลการดำเนินเติบโตเพิ่มขึ้น เนื่องจากกลุ่มบริษัทฯ สามารถรักษาส่วนต่างราคาขาย และต้นทุนของราคาถ่านหินได้อย่างมีประสิทธิภาพในช่วงที่ราคาถ่านหินมีความผันผวนสูง รวมไปถึงการมีต้นทุนการขนส่งที่สามารถแข่งขันได้จากการมี facility การขนส่งและการดำเนินการ ที่ครบวงจร และการรับรู้รายได้จากธุรกิจโลจิสติกส์ซึ่งให้บริการกลุ่มลูกค้าภายนอก ที่มีการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากกลุ่มลูกค้าที่ใช้บริการขนส่งสินค้าเกษตร และสินค้าอุตสาหกรรม อาทิเช่น ปูนซีเมนต์-ทราย-แก้ว และกากอุตสาหกรรม รวมทั้งการทยอยรับรู้รายได้จากธุรกิจเทรดดิ้ง และธุรกิจเช่าซื้อรถบรรทุก ที่เริ่มรับรู้รายได้ในช่วงปลายปี 2565 ที่ผ่านมา” นายพนม กล่าว

นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เตรียมนำมติเสนอต่อผู้ถือหุ้น ในวาระเพื่อขออนุมัติจ่ายปันผลงวดปี 2565 (ม.ค.-ธ.ค.65) เป็นหุ้นอัตรา 10 หุ้นเดิม ต่อ 1 หุ้นปันผล หรือคิดเป็นอัตราการจ่ายปันผลเป็นเงินสดหุ้นละ 0.05 บาทต่อหุ้น พร้อมจ่ายปันผลเป็นเงินสดอัตราในอัตราหุ้นละ 0.2256 บาท รวมเป็นเงินปันผล ทั้งหมดประมาณ 299,784,204.70 บาทโดยกำหนดวันรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (Record date) วันที่ 15 มี.ค.2566 และวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) 14 มี.ค.2566 เพื่อดำเนินการจ่ายปันผลตามผลการดำเนินงานประจำปี ในวันที่ 17 พ.ค.2566 หลังจากที่มีการจ่ายปันผลพิเศษระหว่างกาลไปแล้วเมื่อปลายปี 2565 ที่ผ่านมา

ประธานกรรมการบริหาร “AGE” กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปี 2566 บริษัทฯ ได้ตั้งเป้าของรายได้รวมที่ 23,400 ล้านบาท ผ่านกลยุทธ์การขับเคลื่อน “AGE 4 มิติ” เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม สู่การเติบโตแบบยั่งยืนในอนาคต ประกอบด้วย

1. มิติการขยายตลาดในกลุ่มธุรกิจถ่านหินทั้งในประเทศ และต่างประเทศ เพื่อรองรับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและ ความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากราคาถ่านหินที่ปรับตัวลดลง ส่งผลให้บริษัทฯ ตั้งเป้าปริมาณการขายถ่านหินสำหรับปีนี้ไว้ที่ระดับ 5.2 ล้านตัน

2. มิติการขยายการให้บริการขนส่งในกลุ่มธุรกิจโลจิสติกส์ โดยในปีนี้ ตั้งงบลงทุนไว้ที่ระดับ 235 ล้านบาท เพื่อจัดซื้อรถบรรทุก เพิ่มขึ้นอีก 52 พ่วง ซึ่งทยอยรับมอบมาแล้วในช่วงต้นปี 2566 จำนวน 22 พ่วง เพื่อรองรับงานให้บริการขนส่งโลจิสติกส์ทั้งสินค้าเกษตร และสินค้าอุตสาหกรรมที่จะเพิ่มขึ้นในปีนี้ และยังมีการลงทุนขยายพื้นที่คลังจัดเก็บสินค้าและโรงงานคัดแยกหลังที่ 5 มูลค่า 50 ล้านบาท รวมถึงลงทุนในระบบบริหารจัดการ IT มูลค่า 10 ล้านบาท ทั้งนี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการด้านโลจิสติกส์ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าได้สูงขึ้น

3. มิติการขยายการให้บริการในกลุ่มธุรกิจลิสซิ่ง โดยในปี 2565 บริษัทได้มีการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถบรรทุก ให้กับพนักงานขับรถที่มีผลงานดีของบริษัท ภายใต้โครงการ “เถ้าแก่น้อย” เพื่อเปิดโอกาสให้พนักงานสามารถเป็นเจ้าของรถบรรทุกเองได้ โดยในปีนี้ บริษัทตั้งเป้าการปล่อยสินเชื่อรถบรรทุกเช่าซื้อให้กับ พันธมิตรและ ผู้ร่วมโครงการ “เถ้าแก่น้อย” เพิ่มเป็น 500 ล้านบาท จากปีก่อนที่มีการปล่อยสินเชื่อ ไปแล้ว 50 ล้านบาท โดยเริ่มรับรู้รายได้แล้ว 0.5 ล้านบาท เมื่อปลายปี 2565

4. มิติธุรกิจขยายตลาดในธุรกิจเทรดดิ้งสินค้าเกษตร โดยในปีนี้บริษัทตั้งเป้า รายได้การธุรกิจการขายสินค้ามันสำปะหลัง อยู่ที่ 400 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ภายใต้แผนกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ บริษัทฯยังคงเดินหน้า เพิ่มศักยภาพด้านการบริหารจัดการต้นทุนในด้านต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น รวมทั้งการดูแลบริหารจัดการความเสี่ยงของธุรกิจและความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อสะท้อนถึงการให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน