บลจ.ทิสโก้เพิ่มทุนกอง TGHIDIV รับตลาดผันผวน-กระจายเสี่ยงด้วยหุ้นปันผล

HoonSmart.com> “บลจ.ทิสโก้” ประกาศเพิ่มทุน “กองทุนทิสโก้ โกลบอล ไฮ ดิวิเดนด์” เป็น 2,000 ล้านบาท รองรับความต้องการลูกค้า เชื่อมั่นในกองทุนที่เน้นลงทุนในหุ้นต่างประเทศที่มีการจ่ายเงินปันผลสูงสม่ำเสมอ มีแนวโน้มการจ่ายเงินปันผลที่ดีและเงินปันผลเติบโตอย่างยั่งยืน ชี้เหมาะกับนักลงทุนมองหาสินทรัพย์ช่วยลดความผันผวนของพอร์ต มั่นใจหุ้นที่ลงทุนมีแนวโน้มราคาพุ่งแรงหากเศรษฐกิจเริ่มฟื้น

นายสาห์รัช ชัฏสุวรรณ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทิสโก้ เปิดเผยว่า หลังจากที่ บลจ.ทิสโก้เปิดเสนอขายกองทุนเปิด ทิสโก้ โกลบอล ไฮ ดิวิเดนด์ (TGHIDIV) ความเสี่ยงระดับ 6 (เสี่ยงสูง) ไปเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2565 ที่ผ่านมา ปรากฎว่าได้ผลตอบรับที่ดีจากนักลงทุนมีเงินไหลเข้าอย่างต่อเนื่อง เพราะเชื่อมั่นในนโยบายของกองทุนที่เน้นลงทุนในหุ้นต่างประเทศที่มีอัตราการจ่ายเงินปันผลสูงและสม่ำเสมอ หรือบริษัทที่มีแนวโน้มการเติบโตของการจ่ายเงินปันผลสูงขึ้นอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ ในปีที่ผ่านมากองทุน TGHIDIV ยังสร้างผลตอบแทนที่โดดเด่นอีกด้วย ดังนั้น เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2566 บลจ.ทิสโก้จึงประกาศเพิ่มขนาดทุนจดทะเบียนกองทุนเป็น 2,000 ล้านบาท จากเดิมอยู่ที่ 1,000 ล้านบาท

บลจ.ทิสโก้มองว่าการเพิ่มทุนจดทะเบียนในครั้งนี้ จะได้รับผลตอบรับที่ดีจากนักลงทุน เพราะหุ้นปันผลสม่ำเสมอและหุ้นที่มีแนวโน้มการเติบโตของการจ่ายเงินปันผล มักจะเป็นหุ้นที่มีงบการเงินที่แข็งแกร่งเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการลงทุนเพื่อลดความผันผวนของพอร์ตลงทุนโดยรวม ในช่วงที่ตลาดหุ้นผันผวนจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่อาจเข้าสู่ภาวะถดถอยได้ในปีนี้

นอกจากนี้ หากเศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัวในช่วงครึ่งหลังของปีหุ้นที่มีแนวโน้มการเติบโตของการจ่ายเงินปันผลมักจะเป็นกลุ่มแรกๆ ที่ราคาปรับเพิ่มขึ้น ซึ่งกองทุน TGHIDIV เน้นลงทุนในหุ้นที่มีลักษณะดังกล่าวไม่ต่ำกว่า 70% ของมูลค่าทรัพย์สินของกองทุน ผ่านกองทุน DWS Invest Top Dividend Fund อย่างไรก็ตาม หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เช่น ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่าที่คาด เงินเฟ้อปรับตัวเพิ่มขึ้นอีก นักลงทุนก็ยังมีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดี เพราะอีก 30% ของมูลค่าทรัพย์สินของกองทุนจะเน้นลงทุนในบริษัทที่มีการจ่ายเงินปันผลสูงและสม่ำเสมอ หรือบริษัทที่มีแนวโน้มการเติบโตของการจ่ายเงินปันผลสูงขึ้นอย่างยั่งยืน ซึ่งราคาหุ้นของบริษัทเหล่านี้มักจะไม่ผันผวนมากนัก