HoonSmart.com>> “ทุนธนชาต” เปิดงบปี 65 กำไรสุทธิ 5,220 ล้านบาท ลดลง 1.27% จากปีก่อน หากตัดรายการพิเศษจากการโอนกลับสำรอง NPA กำไรจากการดำเนินงานปกติเติบโต 13.7% หลังทำผลงานได้ตามเป้าหมาย บอร์ดเคาะจ่ายเงินปันผลครึ่งปีหลังอีก 1.90 บาท/หุ้น ขึ้น XD 18 เม.ย.นี้ จ่ายเงิน 3 พ.ค.66
บริษัท ทุนธนชาต (TCAP) เปิดเผยผลการดำเนินงานปี 2565 มีกำไรสุทธิตามงบการเงินรวมจำนวน 6,428 ล้านบาท โดยเป็นกำไรสุทธิส่วนของบริษัทฯ จำนวน 5,220 ล้านบาท เป็นผลมาจากบริษัทร่วมและบริษัทย่อยมีผลการดำเนินงานที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการลงทุนเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทร่วมและบริษัทย่อย และการขยายสินเชื่อผ่านธนชาตพลัส
นายสมเจตน์ หมู่ศิริเลิศ กรรมการผู้จัดการใหญ่ TCAP เปิดเผยว่า ในปี 2565 บริษัทฯและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิตามงบการเงินรวมจำนวน 6,428 ล้านบาท โดยเป็นกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทฯ จำนวน 5,220 ล้านบาท ลดลง 1.27% จากปีก่อน โดยมีสาเหตุหลักมาจากรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยปรับตัวลดลง เนื่องจากในปี 2564 บริษัทฯ รับรู้รายได้ที่เป็นรายการพิเศษจากการโอนกลับสำรอง NPA
ทั้งนี้ หากไม่รวมรายการพิเศษจากการโอนกลับสำรอง NPA ดังกล่าว บริษัทฯ จะมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 13.7% ซึ่งเกิดจากผลการดำเนินงานของบริษัทย่อยและบริษัทร่วมที่สำคัญเติบโตขึ้นและสามารถทำผลงานได้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 คลี่คลายลง ประกอบกับการที่บริษัทฯ ลงทุนเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทย่อยและบริษัทร่วม รวมไปถึงการขยายสินทรัพย์ผ่านการให้เงินกู้ยืมแก่ธนชาตพลัสในการปล่อยสินเชื่อที่มีหลักประกันซึ่งเป็นการลงทุนในธุรกิจที่บริษัทฯ มีความเชี่ยวชาญ โดยบริษัทฯ มีความมั่นใจในการดำเนินธุรกิจของบริษัทเหล่านี้จะสร้างผลตอบแทนเพิ่มขึ้นให้แก่ผู้ถือหุ้นในอนาคต
อย่างไรก็ตาม การลงทุนเพิ่มขึ้นและการขยายสินทรัพย์ดังกล่าว บริษัทฯ ยังไม่ได้รับประโยชน์เต็มปีในปี 2565 ที่ผ่านมา กล่าวคือ บริษัทฯ เพิ่มสัดส่วนการลงทุนใน ธนาคารทหารไทยธนชาต จาก 23.32% เป็น 24.87% และราชธานีลิสซิ่ง จาก 60.16% เป็น 60.61% ในช่วงระหว่างปี 2565 และซื้อหุ้นของธนชาตประกันภัยและหลักทรัพย์ธนชาต เพิ่มเติมในไตรมาส 4 ส่งผลให้สัดส่วนการถือหุ้นของทั้ง 2 บริษัทเพิ่มขึ้นจาก 50.96% เป็น 89.96%
รวมถึงขยายสินทรัพย์ผ่านการให้เงินกู้ยืมแก่ ธนชาตพลัส ส่งผลให้สินเชื่อเติบโตจาก 2,000 ล้านบาท เป็น 4,000 ล้านบาท ซึ่งรวมเป็นเงินลงทุนและเงินให้สินเชื่อเพิ่มเติมจำนวน 8,267 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.8% จากพอร์ตเงินลงทุนและเงินให้สินเชื่อปี 2564 ของบริษัทฯ แต่เม็ดเงินที่ใส่เพิ่มเข้าไปนั้นจะได้รับผลตอบแทนเต็มปีในปี 2566 นี้
การเติบโตในปี 2566 จะมาจาก 2 ส่วนด้วยกันคือ จากการเติบโตของบริษัทย่อยและบริษัทร่วม ที่คาดว่าจะมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นหลังจากผ่านพ้นวิกฤตโควิดและจากเงินลงทุนที่ใช้เพิ่มสัดส่วนการลงทุนในบริษัทย่อยและบริษัทร่วม รวมทั้งเงินให้กู้ยืมเพิ่มเติมแก่ธนชาตพลัส สิ่งที่ฝ่ายจัดการได้ดำเนินการมาทั้งหมดก็เพื่อเป็นการต่อยอดความสำเร็จของกลุ่มธนชาต เพื่อโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืนให้กับผู้ถือหุ้นต่อไปในอนาคต
คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลอีกหุ้นละ 1.90 บาท กำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (Record date) 19 เม.ย.2566 และจ่ายเงินวันที่ 3 พ.ค.2566 ทั้งนี้ รวมทั้งปี 2565 จ่ายปันผลรวม 3.10 บาท