ดาวโจนส์ปิดบวก 149 จุด วิตกเฟดขึ้นดอกเบี้ย

HoonSmart.com>> ดัชนีดาวโจนส์ปิดบวก 149 จุด ได้แรงหนุนหุ้น Amgen และ United Health ปรับตัวขึ้น ท่ามกลางความวิตกเฟดขึ้นดอกเบี้ย ด้านดัชนี S&P500 ปิดลบแรงขายกลุ่มพลังงานฉุด ด้าน Nasdaq ร่วง หุ้นกลุ่มเทคลดลงถ่วงดัชนี ส่วนราคาน้ำมันดิบลดลงกว่า 2% ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดลบ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) ปิดวันที่ 17 กุมภาพันธ์2566 ปิดที่ 33,826.69 จุด เพิ่มขึ้น 129.84 จุด หรือ 0.39% นักลงทุนวิตกว่าข้อมูลเงินเฟ้อล่าสุดยังสูงขึ้นและเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)จะยังคงปรับขึ้นดอกเบี้ย
นอกจากนี้เจ้าหน้าที่เฟดหลายรายออกมาให้ความเห็นสนับสนุนการปรับขึ้นดอกเบี้ย

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,079.09 จุด ลดลง 11.32 จุด, -0.28%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,787.27 จุด ลดลง 68.56 จุด, -0.58%

ในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีดาวโจนส์ลดลง 0.1%, ดัชนี S&P500 ลดลง 0.3% และดัชนี Nasdaq บวก 0.6%

ดัชนีดาวโจนส์ได้รับแรงหนุนจากการปรับขึ้นของหุ้น Amgen และ United Health ที่บวก 2.69% และ 2.41% ตามลำดับ แต่ดัชนี S&P500 ลดลง จากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มพลังงาน โดยหุ้นDevon Enery ลดลง 4.29% ขณะที่หุ้นไมโครซอฟต์ ลดลง 1.6% และหุ้นNvdia ลดลง 2.8% ถ่วงดัชนี Nasdaq

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้นไปแตะระดับ 3.815%

ข้อมูลเศรษฐกิจในสัปดาห์นี้ทั้งเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ตลาดแรงงานที่แข็งแกร่ง และการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่ยังดี เป็นปัจจัยที่เอื้อให้เฟดขึ้นดอกเบี้ยได้อีก

นางมิเชล โบว์แมน หนึ่งในคณะผู้ว่าการเฟด กล่าวในวันศุกร์ว่า การดึงเงินเฟ้อให้ลงมาในกรอบเป้าหมาย 2% ยังต้องใช้เวลาอีกนาน เฟดจึงต้องปรับขึ้นดอกเบ้ยจนกว่ามีความคืบหน้าในการต่อสู้กับเงินเฟ้อ

ด้านนานโทมัส บาร์กิน ประธานเฟดสาขาริชมอนด์กล่าวว่า เฟดยังต้องขึ้นดอกเบี้ย เพราะตลาดแรงงานยังร้อนแรง และให้น้ำหนักกับความเสี่ยงที่ทำมากเกินไป มากกว่าการทำน้อยเกินไป อย่างไรก็ตามเฟดอาจจะขึ้นดอกเบี้ย 0.25%

อาร์ต โฮแกน จาก B. Riley กล่าวว่า ตอนนี้ตลาดพันธบัตรและตลาดหุ้นขัดแย้งกัน โดยตลาดพันธบัตรส่งสัญญานว่าเฟดยังคงขึ้นดอกเบี้ยอีกนาน แต่ตลาดหุ้นมองว่าเศรษฐกิจจะ soft landing “ดูเหมือนว่านักลงทุนในตลาดหุ้นมองว่า จะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งแล้วก็จะระงับชั่วคราว”

จิม เรด จาก ดอยช์แบงก์กล่าวว่า จากการให้ความเห็นของเจ้าหน้าที่เฟด นักลงทุนประเมินว่ามีโอกาสมากขึ้นที่เฟดจะปรับดอกเบี้ยขึ้นมากกว่า 0.25% ในการประชุมครั้งหน้าเดือนมีนาคม

โกลด์แมน แซคส์และแบงก์ออฟอเมริกา คาดว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยอีก 3 ครั้งในปีนี้ จากที่ประเวินว่าจะขึ้นแค่ 2 ครั้ง โดยจะปรับขึ้นครั้งละ 0.25%

เทรดเดอร์คาดการณ์ว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยอย่างน้อยอีก 2 ครั้งและอัตราดอกเบี้ย Fed Fund rate จะแตะระดับสูงสุดที่ 5.3% ภายในเดือนกรกฎาคม

ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปรับตัวลดลงตามตลาดหุ้นสหรัฐที่ร่วงลงในวันก่อนหน้า ด้วยความวิตกว่าธนาคารกลางประเทศหลักยังคงเดินหน้าปรับขึ้นดอกเบี้ย หลังจากข้อมูลเศรษฐกิจเศรษฐกิจที่บ่งชี้ว่าเงินเฟ้อยังสูงขึ้นทั้งจากสหรัฐและยุโรป ท่ามกลางการรางานผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียน

เยอรมนีรายงานดัชนี PPI มาตรวัดเงินเฟ้อจากผู้ผลิตเดือนมกราคมลดลง 1.0% เมื่อเทียบรายเดือนแต่เพิ่มขึ้น 17.8% เมื่อเทียบรายปีและสูงกว่า 16.4% ที่นักวิเคราะห์คาด

นางอิซาเบล ชนาเบล กรรมการธนาคารกลางยุโรป(ECB)ให้ความเห็นในวันศุกร์ว่า นักลงทุนอาจจะประเมินเงินเฟ้อที่ยังไม่ลดลงต่ำเกินไป และECB อาจจะต้องดำเนินการให้แข็งขันขึ้น

นักลงทุนหวังที่จะเห็นสัญญานการชะลอขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางและการให้ความเห็นถึงการดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวด ทำให้วิตกต่อแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจโลก

อังกฤษรายงานยอดค้าปลีกเดือนมกราคมเพิ่มขึ้น 0.5% ดีกว่าที่ลดลง 1.2% ในเดือนก่อน

หุ้นเมอร์เซเดสเบนซ์บวก 2.2%จากผลการดำเนินงานไตรมาสสี่ดีกว่าคาด

หุ้นHermes ลดลง 1.6% แม้ยอดขายไตรมาสสี่เพิ่มขึ้น 22.9%

ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 464.30 จุด ลดลง 0.94 จุด, -0.20%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,004.36 จุด ลดลง 8.17 จุด, -0.10%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,347.72 จุด ลดลง 18.44 จุด, -0.25%,
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,482.00 จุด ลดลง 51.64 จุด, -0.33%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนมีนาคม ลดลง 2.15 ดอลลาร์ หรือ 2.74% ปิดที่ 76.34 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนเมษายน ลดลง 2.14 ดอลลาร์ หรือ 2.51% ปิดที่ 83 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล