ดาวโจนส์ปิดลบ 39 จุด ผิดหวังประกอบการ

HoonSmart.com>> “ดัชนีดาวโจนส์” ปิดลบ แรงขายช่วงท้ายตลาดหลังผลประกอบการบริษัทชื่อดังหลายรายต่ำกว่าคาด และราคาหุ้นบริษัทเฮลธ์แคร์ลดลง ด้านดัชนี S&P500 ปิด +1.47% ดัชนี Nasdaq +3.25% ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องหลังเฟดขึ้นดอกเบี้ย ราคาน้ำมันดิบปรับลดลง ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ส่วนใหญ่ปิดบวก กลุ่มเทคโนโลยีพุ่งแรง 4.6% หลัง ECB และ BOE ปรับขึ้นดอกเบี้ยตามคาด

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) ปิดวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2566 ปิดที่ 34,053.94 จุด ลดลง 39.02 จุด หรือ 0.11% จากการอ่อนตัวลงในช่วงท้ายตลาด หลังผลประกอบการบริษัทชื่อดังหลายรายต่ำกว่าคาด และจากการลดของหุ้นบริษัทเฮลธ์แคร์

แต่ดัชนี S&P500 และดัชนี Nasdaq ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องหลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ปรับขึ้นดอกเบี้ยเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,179.76 จุด เพิ่มขึ้น 60.55 จุด, +1.47%

ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,200.82 จุด เพิ่มขึ้น 384.50 จุด, +3.25%

หุ้นแอปเปิลลดลงกว่า 1% หุ้นอัลฟาเบทลดลง 4% หลังรายงานการดำเนินงานต่ำกว่าคาด และมีผลถ่วงตลาด หุ้นแอมะซอนลดลง 3.5% แม้รายได้ดีกว่าคาดแต่กำไรต่อหุ้นลดลง

แต่หุ้นเมตาแพลตฟอร์มสบวกกว่า 23% จากรายได้ที่สูงกว่าคาด

ผลการดำเนินงานของกลุ่มอื่นในตลาดเองก็ไม่สดใส ทั้งฟอร์ดและสตาร์บัคต่างก็มีผลการดำเนินงานที่ต่ำกว่าคาด ราคาหุ้นลดลง 6% และ 2% ตามลำดับ

ในกลุ่มเฮลธ์แคร์หุ้นยูไนเต็ดเฮลธ์ ลดลง 5.1% หุ้นเมอร์ค แอนด์ โค ลดลง 3.3% หุ้นอิไล ลิลลี่ ลดลง 3.4% จากผลประกอบการที่ต่ำกว่าคาด

แอนดรูว์ ไทเลอร์จากเจพี มอร์แกน กล่าวว่า ผลการดำเนินงานโดยรวมดูดีขึ้น แต่ไม่แน่ใจว่านักลงทุนจะเดินหน้าจากภาวะเศรษฐกิจที่ soft landing และการวิ่งขึ้นของตลาดรอบนี้หรือไม่

รายงานของ Challenger, Gray & Christmas Inc. ระบุว่าผลการดำเนินงานของบริษัทเทคโนโลยีทั้งรายเล็กรายใหญ่ดีขึ้นจากการปลดพนักงานโดยในเดือนที่แล้วมีการปลดพนักงานถึง 41,829 คน

นอกจากผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนแล้วนักลงทุนจับตาการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญ คือ การจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันนี้ ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 187,000 ตำแหน่งในเดือนมกราคมจากที่เพิ่มขึ้น 223,000 ตำแหน่งในเดือนธันวาคม และคาดว่าอัตราว่างงานในเดือนมกราคมจะเพิ่มขึ้นมาที่ 3.6% จากระดับ 3.5% ในเดือนธันวาคม

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์รายงานคำสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนธันวาคมเพิ่มขึ้น 1.8% จากที่ลดลง 1.9% ในเดือนพฤศจิกายน แต่ต่ำกว่า 2.2% ที่นักวิเคราะห์คาด

กระทรวงแรงงานรายงานจำนวนผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ที่แล้ว ลดลง 3,000 ราย สู่ระดับ 183,000 ราย ดีกว่า 200,000 รายที่นักวิเคราะห์คาด

ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปิดบวก หุ้นเกือบทุกกลุ่มปรับตัวขึ้น โดยกลุ่มเทคโนโลยีบวกถึง 4.6% หลังจากธนาคารกลางสหภาพยุโรป (ECB)และธนาคารกลางอังกฤษปรับขึ้นดอกเบี้ยตามคาดในวันพฤหัสบดี และแม้ว่า ECB ส่งสัญญาณชัดเจนว่าจะขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.50% อย่างน้อยที่สุดอีก 1 ครั้งในเดือนหน้า หลังจากนั้นก็จะประเมินแนวทางการดำเนินนโยบายการเงินต่อไป ก็ไม่ได้ดับความคาดหวังของนักลงทุนที่ว่าวงจรการปรับขึ้นดอกเบี้ยโลกใกล้จะสิ้นสุดแล้ว

ด้านธนาคารกลางอังกฤษประกาศขึ้นดอกเบี้ย 0.50% และส่งสัญญานการผ่อนคลายการขึ้นดอกเบี้ยเช่นเดียวกับธนาคารกลางสหรัฐ โดยไม่ได้ใช้คำว่าอย่างแข็งขันในการสื่อสารถึงการขึ้นดอกเบี้ยครั้งต่อไป

หุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ซึ่งอ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย ปรับตัวขึ้น 6.8%

หุ้นกลุ่มธนาคารซึ่งมักได้ประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น ลดลงจากระดับสูงสุดในรอบเกือบ 1 ปี

ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 459.20 จุด เพิ่มขึ้น 6.11 จุด, +1.35%

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,820.16 จุด เพิ่มขึ้น 59.05 จุด,+0.76%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,166.27 จุด เพิ่มขึ้น 89.16 จุด,+1.26%,

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,509.19 จุด เพิ่มขึ้น 328.45 จุด, +2.16%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนมีนาคมลดลง 53 เซนต์ หรือ 0.7% ปิดที่ 75.88 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนเมษายน ลดลง 67 เซนต์ หรือ 0.8% ปิดที่ 82.17 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล