HoonSmart.com>>บริษัท เชฎฐ์ เอเชีย หรือ CHASE ผู้ให้บริการจัดการหนี้สินอย่างครบวงจร เตรียมขายหุ้น IPO จำนวน 562 ล้านหุ้น หลังจากที่ ก.ล.ต. ได้อนุมัติแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์แล้ว เป้าหมายการระดมทุนจะใช้ซื้อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพจากสถาบันการเงิน และเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจของบริษัท
นายประชา ชัยสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เชฎฐ์ เอเชีย หรือ CHASE กล่าวว่า จากข้อมูลสถิติ ปริมาณสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ NPL ในระบบมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตามยอดสินเชื่อธนาคารพาณิชย์ที่เพิ่มขึ้นจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ที่ผ่านมา และการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก โดยในปี 64 มีอัตราส่วน NPL ต่อสินเชื่อรวมของธนาคารพาณิชย์มากถึง 531,000 ล้านบาท และคาดว่าธนาคารพาณิชย์จะต้องทยอยขายหนี้เสียออกมาหลังหมดมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้จากผลกระทบของโรค COVID-19 ในช่วงสิ้นปี 65 ทำให้เป็นโอกาสในการซื้อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ
ธนาคารแห่งประเทศไทยคาดการณ์ว่า GDP ในปี 65-66 จะเติบโต 3.3% และ 3.7% ตามลำดับ จากการเปิดประเทศ ส่งผลให้การจ่ายชำระของลูกหนี้ดีขึ้น ในฐานะที่ CHASE เป็นบริษัทบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพครบวงจร มองว่าปีนี้น่าจะเป็นปีที่ดีของธุรกิจ เนื่องจากน่าจะมีสินทรัพย์ด้อยคุณภาพออกมาในตลาดมาก ขณะที่การจ่ายชำระของลูกหนี้ดีขึ้น
ปัจจุบัน CHASE มีธุรกิจหลัก ได้แก่ บริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ จากการรับโอนสินทรัพย์ด้อยคุณภาพจากสถาบันการเงิน พร้อมให้บริการติดตามทวงถามและเร่งรัดหนี้สิน และมีบริการดำเนินคดีแบบครบวงจร โดยมีทีมบริหารที่มากประสบการณ์ ทีมงานติดตามทวงถาม ทีมกฎหมายที่ทำหน้าที่ติดตามและบริหารหนี้อย่างครบวงจรรวมกันมากกว่า 400 คน จึงทำให้คุมการบริหารจัดการและต้นทุนได้อย่างเบ็ดเสร็จ ภายใต้กลยุทธ์หลักทางธุรกิจที่ใช้สร้างการเติบโตให้แก่บริษัทอย่างยั่งยืน ได้แก่ ขยายพอร์ตเงินให้สินเชื่อแก่สินทรัพย์ด้อยคุณภาพ (NPL), เพิ่มประสิทธิภาพในการติดตามหนี้ผ่านระบบอัตโนมัติ, พัฒนาและขยายทีมติดตามทวงหนี้และเร่งรัดหนี้สิน, สร้างความสัมพันธ์กับสถาบันการเงินต่าง ๆ และเพิ่มประสิทธิภาพในการบริการและเพิ่มช่องทางการสื่อสาร
“ขณะนี้ ก.ล.ต. ได้แจ้งอนุมัติแบบคำขออนุญาตเสนอขายหุ้น CHASE ให้กับประชาชนครั้งแรก (IPO) จำนวน 562 ล้านหุ้นแล้ว ซึ่งเราเชื่อมั่นว่าการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้จะช่วยผลักดันให้กลุ่มบริษัท สามารถเดินหน้าขยายธุรกิจอย่างเต็มศักยภาพ พร้อมเสริมความแข็งแกร่ง และต่อยอดการเติบโตของบริษัทอย่างไม่หยุดยั้ง ตอกย้ำความเป็นผู้นำในการให้บริการจัดการหนี้สิน ที่พร้อมเป็นผู้สนับสนุนพันธมิตรในการติดตามทวงถามหนี้ ในขณะเดียวกันก็เป็นที่ปรึกษาและให้ความรู้คู่วินัยในการบริหารหนี้ให้กับลูกหนี้” นายประชากล่าว
นางสาววรลักษณ์ ชัยสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน กล่าวว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานที่ผ่านมา CHASE เติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วงระหว่างปี 62 – 64 มีอัตราเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) กว่า 10.8% รายได้ส่วนใหญ่มาจากธุรกิจบริหารสินทรัพย์จากการรับซื้อหรือโอน NPL ประมาณ 60% และธุรกิจติดตามทวงถามและเร่งรัดหนี้สินอีกประมาณ 34% ในขณะเดียวกัน กลุ่มบริษัทมีอัตรากำไรสุทธิที่ปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากมีการเติบโตของรายได้ที่เพิ่มขึ้นมากกว่าการเติบโตของต้นทุนการให้บริการและค่าวิชาชีพ ในช่วงไตรมาส 3/65 อัตรากำไรสุทธิปรับตัวลดลงจากช่วงเดียวกันในปีก่อนหน้า จากการตั้งค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (ECL) ที่เพิ่มขึ้น โดยฐานะทางการเงินของกลุ่มบริษัท ณ ไตรมาส 3/65 มีสินทรัพย์ 2,875.5 ล้านบาท และอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (D/E) เท่ากับ 0.4 เท่า ซึ่งรองรับโอกาสในการเข้าซื้อ NPL ของกลุ่มบริษัทฯ ในอนาคต
นายพงศ์ศักดิ์ พฤกษ์ไพศาล กรรมการผู้จัดการ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า CHASE เป็นบริษัทที่มีความแข็งแกร่งและมีประสบการณ์ในธุรกิจบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพมาอย่างยาวนาน ผลจากจัดเก็บหนี้เสียที่ซื้อมาบริหารในอดีตอยู่ในเกณฑ์ที่ดีเมื่อเทียบกับคู่แข่ง นอกจากนี้ ธนาคารพาณิชย์ให้ความเชื่อถือในการติดตามทวงถามหนี้
ซึ่งสามารถบริหารจัดการได้อย่างมืออาชีพ ทั้งยังช่วยเหลือลูกหนี้อย่างเต็มที่ และมีความสามารถในการจัดเก็บหนี้ที่ต้องมีการบังคับใช้กฎหมาย ดูได้จากอัตราค่าคอมมิชชั่นที่สูงกว่า 20% เนื่องจาก CHASE มีความสามารถในการตามเก็บหนี้สินที่ตามเก็บยาก ทำให้ธนาคารส่งหนี้ในลักษณะดังกล่าวให้ CHASE มากกว่าบริษัทอื่น ๆ ส่งผลให้ CHASE มีโอกาสในการเติบโตสูง
เงินที่ได้จากการระดมทุน IPO บริษัทจะใช้ในการซื้อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพจากสถาบันการเงิน และเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจของบริษัท โดยภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปี 66 น่าจะดีขึ้นจากการเปิดประเทศเต็มรูปแบบ ซึ่งจะทำให้ลูกหนี้สามารถจ่ายชำระหนี้ได้ดีขึ้น ส่งผลดีต่อการเติบโตของธุรกิจ
#CHASE #IPO