EXIM BANK ปักธงปีนี้ฟันกำไร 1.8 พันลบ. ชูโมเดลโตพร้อมพันธมิตร เพิ่ม ‘สินเชื่อ-ค่าฟี’

HoonSmart.com>>”EXIM BANK” สร้างปาฏิหาริย์ผลงานโตสองหลัก 2 ปีซ้อน ปี65 โกยกำไร 1,504 ล้านบาท ยอดคงค้างสินเชื่อ 168,331 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.18% All time high นับตั้งแต่เปิดดำเนินงานในปี 2537 สูงกว่าระบบแบงก์ถึง 2 เท่า ตั้งสำรองแกร่งกว่า 280% ตั้งเป้าปี’66 ยอดคงค้างสินเชื่อไม่ต่ำกว่า 180,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% เน้นธุรกิจที่เป็นเทรนด์ของโลก คุม NPLs ไม่เกิน 3% ชูโมเดลธุรกิจ ร่วมมือพันธมิตร ทำการตลาด เช่น SME D Bank แบงก์พาณิชย์ เพิ่มสินเชื่อ-รายได้ค่าธรรมเนียม แผน 3 ปี ปล่อยสินเชื่อหนุนยั่งยืน 50% เพิ่มส่วนแบ่งตลาดลูกค้าจาก 20% เป็น 50%

นายรักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) แถลงผลการดำเนินงานในปี 2565 EXIM BANK มีกำไรจากการดำเนินงานจำนวน 2,737 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 14.51% ถือเป็นการเติบโตสองหลักต่อเนื่อง 2 ปี และมีกำไรสุทธิ 1,504 ล้านบาท มากกว่า 1,500 ล้านบาท ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 แม้มีการช่วยเหลือลูกหนี้ในการคงอัตราดอกเบี้ย Prime Rate มานานกว่า 6 เดือนต่อเนื่องถึงสิ้นเดือนม.ค.2566 ก็ตาม

ขณะเดียวกันธนาคารมียอดคงค้างสินเชื่อ 168,331 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15,558 ล้านบาท หรือ 10.18% จากปีที่ผ่านมา เติบโตสองหลักต่อเนื่อง 2 ปี และ All time high สูงสุดตั้งแต่เปิดดำเนินงานในปี 2537 เติบโตสูงกว่าระบบธนาคารถึง 2 เท่า โดยมียอดคงค้างสินเชื่อสนับสนุนความยั่งยืนจำนวน 47,628 ล้านบาท เติบโต 21.83%  คิดเป็นสัดส่วนเกือบ 30% ของยอดคงค้างสินเชื่อทั้งหมด เติบโตสองหลักต่อเนื่อง 2 ปี ตั้งเป้าจะต้องมีสินเชื่อสีเขียวสัดส่วน 50 % ในอีก 3 ปีข้างหน้า มีจำนวนลูกค้าสินเชื่อและประกันจำนวน 6,102 ราย คิดเป็นส่วนแบ่งตลาดประมาณ 20% ตั้งเป้ากระโดดขึ้นเป็น 50% นอกจากนี้ยังมีการปล่อยสินเชื่อ CLMV สูงเกือบ 45,000 ล้านบาท เติบโตถึง 30% คิดเป็นสัดส่วน 27% ของสินเชื่อรวม ภายหลังจากมีสำนักงานผู้แทนครบ 4 แห่ง

ส่วนแนวโน้มในปี 2566 คาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 1,800 ล้านบาท ยอดคงค้างสินเชื่อไม่ต่ำกว่า 180,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% เน้นสนับสนุนธุรกิจที่เป็นเทรนด์ของโลก อาทิ ธุรกิจ Soft Power, ธุรกิจสุขภาพ และอุตสาหกรรมแห่งอนาคต เช่น รีไซเคิล ที่ผ่านมาได้สนับสนุนสินเชื่อธุรกิจพลังงานหมุนเวียนไปกว่า 320 โครงการ คิดเป็นมูลค่ารวม 62,000 ล้านบาท ส่งผลให้เกิดการลงทุนราว 3.8 แสนล้านบาท ลดคาร์บอนได้กว่า 100 ตัน รวมถึงสนับสนุนธุรกิจ Future food, โลจิสติกส์และ Supply Chain พร้อมดูแลสินเชื่อไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) ไม่ให้เกิน 3% ต่ำกว่าธนาคารขนาดใหญ่ และมีค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (Expected Credit Loss) จำนวน 12,821 ล้านบาท อยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง คิดเป็นอัตราส่วนต่อสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Coverage Ratio) 262.99%

“วันที่ผมเข้ามารับตำแหน่ง EXIM BANK มีสินเชื่อคงค้างเพียง 73,000 ล้านบาท ตอนนี้เพิ่มเป็น 168,331 ล้านบาท เติบโตเคียงข้างแบงก์ใหญ่ โดยมี 9 สาขา และคนไม่ถึง 800 คน มีลูกค้า Active ไม่ถึง 3,000 รายจากทั้งหมด 30,000 ราย  วันนั้นผมจะเอา IFCT (บรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย) กลับมาให้ได้ ตอนนี้กลับมาแล้ว กลับมาซ่อมอุตสาหกรรม  อาทิ ท่องเที่ยว โดยเฉพาะต้นน้ำ ธุรกิจการบิน ซึ่งตอนนี้กลับมาจ่ายหนี้ได้ครบทุกบริษัทแล้ว  เพราะเราเข้าไปถูกที่ ถูกเวลา สนับสนุนธุรกิจใหญ่ที่มีศักยภาพ นอกจากนี้ยังให้การสนับสนุนโรงไฟฟ้าและแบตเตอรี่ ไฟฟ้าเกือบ 70% ในภูมิภาคนี้ มาจากประเทศไทย เราเข้าไปในช่วงธุรกิจมีความเสี่ยงสูง ลงทุนก่อนจะเปิดขายไฟให้กับกฟผ. สามารถคิดดอกเบี้ยสูงได้ หลังจากนั้นมีการส่งต่อแบงก์ โดยไม่ทิ้งคนตัวเล็ก คิดดอกเบี้ยใกล้เคียงกับธนาคารพาณิชย์”นายรักษ์ กล่าว

กรรมการผู้จัดการ  EXIM BANK  กล่าวว่า ธุรกิจธนาคารในอนาคตไม่ได้แข่งขันกันปล่อยสินเชื่อแล้ว EXIM BANK วางโมเดลธุรกิจใหม่ โดยการร่วมมือกับพันธมิตรในการทำการตลาด ออกผลิตภัณฑ์ใหม่  ใช้ credit scoring เดียวกัน เพราะไม่ต้องการขยายสาขาที่มีอยู่ 9 แห่ง แต่มีสาขาให้บริการรวม 241 สาขา สามารถขยายสินเชื่อ เพิ่มรายได้จากค่าธรรมเนียมในการเป็นที่ปรึกษาทางการเงินได้  เช่น การปล่อยสินเชื่อร่วมกับ SME D Bank ที่มีสาขาจำนวนมาก ธนาคารอิสลาม  ให้ลูกค้าเบิกเงินก้อนแรก 20 ล้านบาทกับ SME D Bank หลังจากนั้นถึงจะมาใช้เงิน EXIM BANK นอกจากนี้ยังจะเป็นด่านหน้า( Front) ให้ธนาคารขนาดใหญ่ที่มีทุนเยอะ ในการหาสินเชื่อดีๆ แล้วส่งต่อ ไม่จำกัดเฉพาะแบงก์ของรัฐเท่านั้น  ทำให้ลูกค้ามีอัตราดอกเบี้ยต่ำลง และในที่สุดส่งเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ที่มีต้นทุนทางการเงินต่ำกว่าสินเชื่อในระบบสถาบันการเงิน

“เรื่องดอกเบี้ยขาขึ้นมากกว่า 0.8%  EXIM BANKกัดฟันทน (bite the bullet)  จะเริ่มทยอยปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกของปีนี้ 0.25% จะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.66 เป็นต้นไป หลังจากนั้นคาดว่าจะปรับขึ้นอีกครั้งในช่วงกลางปี ครั้งละ 0.25% เพื่อช่วยเหลือลูกค้า”นายรักษ์ กล่าว

ส่วนเรื่องเงินทุน ในปีนี้ EXIM BANK มีโครงการจะระดมทุนเพิ่มด้วยการออกกรีนบอนด์ อีก 5,000 ล้านบาท ซึ่งต้องรอให้ผ่านการอนุมัติการเพิ่มทุนจำนวน 2,000 ล้านบาทก่อน จึงจะสามารถกำหนดระยะเวลาในการเสนอขายได้ ทั้งนี้เมื่อเดือน ก.ย.2565 EXIM BANK เคยมีการออกกรีนบอนด์ไปแล้ว 2 รุ่น วงเงินรวม 5,000 ล้านบาท

สำหรับแนวโน้มเศรษฐกิจในปี 2566 สถาบันชั้นนำของโลก คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจโลกในปีนี้จะขยายตัวต่ำกว่า 2% ต่ำสุดในรอบ 30 ปี เป็นผลจากปัญหาเงินเฟ้อที่คาดว่าจะยังอยู่ในระดับสูงและดอกเบี้ยขาขึ้น ส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกไทย ซึ่งคาดว่าจะเติบโตได้เพียง 2% หรือชะลอกว่า 2 เท่าจากปีก่อนหน้า เนื่องจากเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าสำคัญชะลอตัว โดยเฉพาะสหรัฐฯ และยุโรปมีโอกาสถดถอย มองเป็นโอกาสของผู้ที่กล้าเริ่มต้นหรือขยายธุรกิจไปยังตลาดที่มีศักยภาพและเหมาะกับสินค้าและบริการของธุรกิจ  เช่น ตะวันออกกลาง

ด้านค่าเงินบาทแข็ง ส่งผลกระทบต่อภาคส่งออก แต่กลับมองเป็นโอกาสให้ผู้ซื้อหรือนำเข้าวัตถุดิบมาสต็อกไว้  อีกทั้งยังช่วยลดต้นทุนการผลิตให้กับผู้ประกอบธุรกิจด้วย คาดว่าภายในช่วงไตรมาสแรกนี้ เงินบาทน่าจะยังแข็งค่าอยู่ที่ระดับ 32-34 บาท/ดอลลาร์

ทั้งนี้ EXIM BANK ในฐานะธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งประเทศไทย (Thailand Development Bank) พร้อมทำหน้าที่ Miracle Maker พัฒนาธุรกิจไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืนในเวทีโลก ด้วยการส่งเสริมการบุกตลาดการค้าการลงทุนที่มีศักยภาพและยกระดับสินค้าและบริการของไทยให้ได้มาตรฐานสากล โดยชูนโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy) เพื่อให้ผู้ประกอบการไทยทุกระดับมีความกล้าและความพร้อมที่จะเข้าสู่ Supply Chain การส่งออก การพัฒนาอุตสาหกรรมและธุรกิจใหม่ ๆ ที่มุ่งสู่สังคมคาร์บอนต่ำและตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่

ในการขับเคลื่อน BCG Economy EXIM BANK ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง โดยให้ความสำคัญอันดับแรกกับการดูแลเอาใจใส่พนักงาน จัดให้มีสวัสดิการยืดหยุ่นรองรับความต้องการของแต่ละบุคคล เพิ่มพูนความรู้โดยเฉพาะ Future Skills อันดับต่อมาคือ การดูแลบ้าน EXIM BANK ให้ดำเนินธุรกิจที่เสริมสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม มุ่งสู่เป้าหมายการเป็นองค์กรที่เป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2573 รวมถึงการสนับสนุนธุรกิจ BCG อย่างต่อเนื่องและครบวงจร คู่ขนานกับการดำเนินงานด้านความรับผิดชอบต่อสังคมในมิติของการดูแลคนตัวเล็กในชุมชน โดยเติมความรู้ เติมโอกาส และเติมเงินทุน ให้ชุมชนมีความเข้มแข็งและมีความรู้ทางการเงินสำหรับเริ่มต้นหรือขยายธุรกิจที่เชื่อมโยงกับ Supply Chain การส่งออกไปเวทีโลก เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนร่วมกัน

“EXIM BANK กล้าคิดและกล้าทำเพื่อพัฒนาผู้ประกอบการไทยให้แข่งขันได้ในเวทีโลกอย่างยั่งยืน ทั้งในเชิงรุกและเชิงรับ สามารถบุกตลาดใหม่ ๆ และนำเสนอสินค้าและบริการของไทยที่ตอบโจทย์เทรนด์และความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ได้ สร้างสังคมและสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้น ขณะเดียวกันก็มีแพลนบีรับมือกับสถานการณ์ความไม่แน่นอนของโลก Next Normal โดย EXIM BANK จะสานพลังกับพันธมิตรทุกภาคส่วนเดินหน้าสร้างระบบนิเวศสีเขียว ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ BCG และการพัฒนาอย่างยั่งยืน” นายรักษ์ กล่าว