HoonSmart.com>> “ปูนซิเมนต์ไทย” เปิดกำไรปี 65 อยู่ที่ 2.14 หมื่นล้านบาท ลดลง 55% เหตุส่วนต่างราคาสินค้าเคมีภัณฑ์ลดลง ด้านต้นทุนพลังงานสูงขึ้นและรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมลดลง กวาดรายได้จากการขาย 5.7 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% “ธุรกิจแพคเกจจิ้งและธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง” หนุน บอร์ดเคาะจ่ายปันผลเพิ่ม 2 บาท ขึ้น XD 7 เม.ย.66 รวมทั้งปีจ่าย 8 บาท พร้อมตั้งงบลงทุนปี 66 ที่ 4-5 หมื่นล้านบาท จากปีก่อนลงทุน 5.2 หมื่นล้านบาท
นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) หรือ เอสซีจี เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานปี 2565 บริษัทและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 21,382.35 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 17.82 บาท ลดลง 55% จากงวดปี 2564 มีกำไรสุทธิ 47,173.99 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 39.31 บาท
ภาพรวมธุรกิจไตรมาสที่ 4 ปี 2565 เอสซีจีมีรายได้จากการขาย 122,190 ล้านบาท ลดลง 14% จากไตรมาสก่อน สาเหตุหลักจากราคาและปริมาณขายสินค้าเคมีภัณฑ์ปรับตัวลดลงตามความต้องการของตลาดที่ลดลง โดยมี EBITDA เพิ่มขึ้น 996 จากไตรมาสก่อน อยู่ที่ 10,122 ล้านบาท เนื่องจากเป็นช่วงที่มีเงินปันผลรับจากบริษัทร่วมและการลงทุนในธุรกิจอื่น (ธุรกิจยานยนต์ โดยเอสซีจีมีกำไรสำหรับงวดเท่ากับ 157 ล้านบาท ลดลง 94% จากไตมาสก่อน ส่วนใหญ่มาจากส่วนต่างราคาขายสินค้าเคมีภัณฑ์ที่ลดลง และต้นทุนพลังานสูงขึ้น ทั้งนี้ กำไรที่ไม่รวมรายการสำคัญ (Proit excluoing key lems) อยู่ที่ 1,070 ล้านบาท ลดลง 66% จากไตรมาสก่อน
อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบไตรมาส 4 ปี 2564 เอสซีจีมีรายได้จากการขายลดลง 14% เนื่องจากราคาและปริมาณขายสินค้าเคมีภัณฑ์ที่ลดลง โดยมี EBIDA ลดลง 53% และมีกำไรสำหรับงวดลดลง 98% สาเหตุหลักจากส่วนต่างราคาขายสินค้าเคมีภัณฑ์ที่ลดลงและต้นทุนพลังงานที่สูงขึ้น ทั้งนี้ กำไรที่ไม่รวมรายการที่สำคัญ ลดลง 85%6 จากปีก่อน
ส่วนผลการดำเนินงานปี 2565 เอสซีจีมีรายได้จากการขาย 569.600 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 55% จากปีก่อน จากธุรกิจแพลเกจจิ้ง และธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง ในขณะที่มี EBITDA ลดลง 339 จากปีก่อน มาอยู่ที่ 61.912 ล้านบาท และกำไรสำหรับปีลดลง 55% จากปีก่อน มาอยู่ที่ 21,382 ล้านบาท สาเหตุหลักจากผลการดำเนินงานที่ลดลงของธุรกิจเคมิคอลส์ ทั้งนี้ กำไรที่ไม่รวมรายการสำคัญ อยู่ที่ 23,270 ล้านบาท ลคลง 50% จากปีก่อน
ธุรกิจแพคเกจจิ้ง (SCGP) มีกำไรสำหรับปี 2565 เท่ากับ 5.801 ล้านบาท ลดลง 30% จากปีก่อน รายได้จากการขายเท่ากับ 146.068 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% จากปีก่อน และมี EBITDA เท่ากับ 19,413 ล้านบาท ลดลง 8% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยมี EBITDA Margin อยู่ที่ 13% ลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งอยู่ที่ 17%
นอกจากนี้เอสซีจีมีส่วนแบ่งกําไรจากบริษัทร่วมลดลง 6,840 ล้านบาท หรือ 39% จากปีก่อน เหลือ 10,703 ล้านบาท โดยส่วนแบ่งกําไรจากบริษัทร่วมในธุรกิจเคมิคอลส์ 4,928 ล้านบาท หรือคิดเป็น 46% ของทั้งหมด ลดลง 6,649 ล้านบาท จากปีก่อนและมีส่วนแบ่งกําไรจากบริษัทร่วมจากธุรกิจอื่น 5,775 ล้านบาท หรือคิดเป็น 54% ของทั้งหมด ลดลง 191 ล้านบาท จากปีก่อนเอสซีจีมีเงินปันผลรับในปี 2565 เท่ากับ 17,819 ล้านบาท เพิมขึ้น 5,940 ล้านบาท หรือ 50% จากปีก่อน
ด้านโครงสร้างทางการเงินมั่นคงโดยมีเงินสดและเงินสดภายใต้การบริหาร ณ สิ้นปี 2565 เท่ากับ 95,402 ล้านบาท ขณะที่ ณ สิ้นปี 2564 อยู่ที่ 68,323 ล้านบาท โดยในปี 2565 มีรายจ่ายลงทุนและเงินลงทุน 52,188 ล้านบาท
สำหรับปี 2566 คาดการณ์รายจ่ายลงทุนและเงินลงทุนอยู่ที่ประมาณ 40,000 -50,000 ล้านบาท จากปี 2565 มีมูลค่า 52,188 ล้านบาท โดยสัดส่วนการลงทุนเป็นของธุรกิจเคมิคอลส์ 48% ธุรกิจแพคเกจจิ ง 27% ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง 18% และส่วนงานอื่น 7% โดยรายจ่ายลงทุนและเงินลงทุนส่วนใหญ่ใช้สําหรับโครงการปิโตรเคมีครบวงจรของ LSP (Long Son PetrochemicalsComplex)
คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติให้จ่ายเงินปันผลจากงวดดำเนินงานวันที่ 1 ม.ค.2565 -31 ธ.ค.2565 ในอัตราหุ้นละ 2.00 บาท กำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (Record date) ในวันที่ 10 เม.ย. 2566 ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล 7 เม.ย. 2566 และจ่ายปันผลในวันที่ 25 เม.ย. 2566 ทั้งนี้บริษัทฯ จ่ายเงินปันผลงวดระหว่างกาลจากงวดครึ่งปีแรกไปแล้วอัตราหุ้นละ 6 บาท รวมเป็นเงินปันผลทั้งปี 8 บาทต่อหุ้น