BBL โกยกำไร 29,306 ล้านบาท ปี’65โต 10.6% รายได้ดอกเบี้ยพุ่ง 24%

HoonSmart.com>>ธนาคารกรุงเทพโตโดดเด่นตามคาด   ปี2565 มีกำไร 29,306 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.6% และไตรมาสที่ 4 มีกำไร 7,569.46 ล้านบาท จากปีก่อน  ทั้งปีมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น  24.4% จากสินเชื่อเติบโต 3.6% ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 2.42% โดยตั้งสำรอง 32,647 ล้านบาท ลดลง 4.4% จากปีก่อน  NPLs 3.1% ช่วยลูกค้าก้าวผ่านความท้าทายทางเศรษฐกิจที่กำลังรออยู่

ธนาคารกรุงเทพ (BBL) เปิดเผยผลการดำเนินงานประจำปี 2565 มีกำไรสุทธิ 29,305.59 ล้านบาท กำไรหุ้นละ 15.35 บาท เติบโตจำนวน 2,798.55 ล้านบาท คิดเป็น  10.56% จากปี 2564 ที่มีกำไรสุทธิ 26,507.04 ล้านบาทหรือ 13.89 บาทต่อหุ้น เฉพาะไตรมาสที่ 4/2565 มีกำไรสุทธิ 7,569.46 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 1,251.49 ล้านบาท คิดเป็นประมาณ 19.81% เทียบกับระยะเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 6,317.97 ล้านบาท แต่ลดลงเล็กน้อยเพียง 87.53 ล้านบาท จากไตรมาสที่ 3/2565 ที่มีกำไรสุทธิ 7,656,99 ล้านบาท

ในปี 2565 เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวต่อเนื่อง หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 เริ่มคลี่คลาย โดยมีปัจจัยสำคัญมาจากการท่องเที่ยว การบริโภคภาคเอกชน และการกลับเข้ามาลงทุนของนักลงทุนจากต่างประเทศ ขณะที่มูลค่าการส่งออกไทยได้เริ่มลดลงตามอุปสงค์ของประเทศคู่ค้าตั้งแต่ช่วงกลางปีเป็นต้นมา

อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทยในระยะข้างหน้ายังคงเผชิญกับความเสี่ยงจากสภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มชะลอตัวลง ท่ามกลางดอกเบี้ยนโยบายที่ปรับสูงขึ้นทั่วโลก และความไม่แน่นอนจากปัญหาความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาตร์ที่ยืดเยื้อ แต่การเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากจีน จะเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญ ที่สนับสนุนเศรษฐกิจในปี 2566 ซึ่งคาดว่าไทยจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติมากกว่า 20 ล้านคน คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 50% เทียบกับช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19

แม้ว่าเศรษฐกิจไทยอยู่ในทิศทางฟื้นตัวจากการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ แต่มีแนวโน้มที่จะเผชิญกับความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก ธนาคารกรุงเทพจึงให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการดูแลลูกค้าทั้งลูกค้าธุรกิจและลูกค้าบุคคลอย่างใกล้ชิดให้สามารถก้าวผ่านความท้าทายทางเศรษฐกิจที่กำลังรออยู่ โดยคำนึงถึงความสอดคล้องกับสถานการณ์และผลกระทบของลูกค้าแต่ละราย

นอกจากนี้ ธนาคารยังให้คำแนะนำในการปรับรูปแบบการดำเนินธุรกิจตามแนวโน้มของการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจในระยะข้างหน้า ทั้งด้านดิจิทัลเทคโนโลยี นวัตกรรมแห่งโลกอนาคต รวมถึงด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล ตลอดจนการสร้างโอกาสการเติบโตทางธุรกิจอย่างยั่งยืน ภายใต้เจตนารมณ์ของการเป็น “เพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน” ในขณะเดียวกันธนาคารให้ความสำคัญกับการบริหารความเสี่ยงให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ควบคู่กับการรักษาเสถียรภาพฐานะการเงิน สภาพคล่อง และเงินกองทุนให้อยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง

ด้านผลการดำเนินงานในปี 2565 ธนาคารกรุงเทพมีกำไรสุทธิจำนวน 29,306 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.6% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น  24.4% ตามการเพิ่มขึ้นของปริมาณเงินให้สินเชื่อและการปรับตัวของอัตราดอกเบี้ย ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น  2.42% สอดคล้องกับทิศทางของอัตราดอกเบี้ยและการบริหารจัดการสภาพคล่องของธนาคาร ขณะที่รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยลดลง 30.0% ส่วนใหญ่เกิดจากการปรับมูลค่ายุติธรรมของเครื่องมือทางการเงินซึ่งเป็นไปตามสภาวะตลาด และรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิลดลงจากธุรกิจหลักทรัพย์ และบริการประกันผ่านธนาคารและบริการกองทุนรวม ขณะที่รายได้ค่าธรรมเนียมจากการอำนวยสินเชื่อและบริการการค้าระหว่างประเทศเพิ่มขึ้น

สำหรับอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้จากการดำเนินงานอยู่ที่  49.7%  ธนาคารพิจารณาตั้งสำรอง ผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจำนวน 32,647 ล้านบาท ลดลง  4.4% จากปีก่อน ธนาคารยังคงยึดหลักความระมัดระวังในการตั้งสำรอง โดยพิจารณาความผันผวนของเศรษฐกิจโลกที่อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยในระยะข้างหน้า

ธนาคารกรุงเทพยังคงแนวทางการดำเนินธุรกิจด้วยความระมัดระวังและรอบคอบ พร้อมทั้งดำรงฐานะการเงิน สภาพคล่อง และเงินกองทุนให้อยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง เพื่อการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน

ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2565 ธนาคารมีเงินให้สินเชื่อจำนวน 2,682,691 ล้านบาท เพิ่มขึ้น  3.6% จากสิ้นปี 2564 ส่วนใหญ่เพิ่มขึ้นจากสินเชื่อลูกค้าธุรกิจรายใหญ่และสินเชื่อกิจการต่างประเทศ สำหรับอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตต่อเงินให้สินเชื่อรวมยังคงอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้ที่  3.1% ทั้งนี้ จากการที่ธนาคารยึดหลักการตั้งสำรองด้วยความระมัดระวังและรอบคอบอย่างต่อเนื่อง ทำให้อัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตต่อเงินให้สินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตอยู่ในระดับแข็งแกร่งที่  260.8%

ธนาคารมีเงินรับฝาก ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2565 จำนวน 3,210,896 ล้านบาท เพิ่มขึ้น  1.7% จากสิ้นปี 2564 และมีอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อเงินรับฝากอยู่ที่  83.5% ขณะที่อัตราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้น อัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 และอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของต่อสินทรัพย์เสี่ยงของธนาคารและบริษัทย่อยอยู่ที่ 19.1%  15.7% และ14.9% ตามลำดับ ซึ่งอยู่ในระดับที่สูงกว่าอัตราส่วนเงินกองทุนขั้นต่ำตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด

วันที่ 19 ม.ค. 2566 ราคาหุ้น BBL 154.50 บาท ไม่เปลี่ยนแปลงจากวันก่อน เทรดที่ P/E ระดับ 10.51 เท่า และ P/BV เพียง 0.58 เท่า