HoonSmart.com>> “มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช” เผยกองทุนหุ้นไทย (ไม่รวม LTF-RMF-SSF) ในรอบปี 65 มูลค่าทรัพย์สินสุทธิลดลง 1.8% อยู่ที่ 2.31 แสนล้านบาท เงินไหลออกสุทธิ 6.6 พันล้านบาท ด้านผลตอบแทนกองทุนเฉลี่ยอยู่ที่ 5.1% กลุ่มกองทุนหุ้นขนาดใหญ่ทำได้ดีเฉลี่ย 5.7% สร้างผลงานได้ดีกว่าตลาดหุ้นต่างประเทศ ด้าน “กองทุน TISCOWB-A” ขึ้นแท่นผลตอบแทนสูงสุด 14.16%
บริษัท มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย) เปิดเผยภาพรวมกองทุนหุ้นไทยในปี 2565 ที่ผ่านมา กองทุนหุ้นไทยที่ไม่มีสิทธิประโยชน์ทางภาษีมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 2.3 แสนล้านบาท ลดลง 1.8% จากสิ้นปี 2564 แต่สูงขึ้น 5.4% จากไตรมาสที่ 3 ด้านทิศทางเม็ดเงินลงทุนในไตรมาสสุดท้ายเป็นเงินไหลเข้า 490 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นเงินไหลเข้าสุทธิจากเดือนตุลาคม มูลค่า 1.4 พันล้านบาท ซึ่งเป็นช่วงที่ดัชนีหุ้นไทยมีการย่อตัวลง รวมทั้งปีมีเงินไหลออกสุทธิ 6.6 พันล้านบาท
ทั้งนี้ จากทิศทางดัชนี SET Index ลดลงมาอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 1,600 จุดในช่วงครึ่งแรกของเดือนตุลาคม และปรับขึ้นในเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม ไปปิดปีที่ 1,668.66 จุด ทำให้ผลตอบแทนรวมดัชนี SET TR อยู่ที่ 5.2% ขณะเดียวกันกองทุนหุ้นไทย (ไม่รวม LTF RMF SSF) มีผลตอบแทนเฉลี่ย 5.1% โดยกลุ่มกองทุนหุ้นขนาดใหญ่มีผลตอบแทนเฉลี่ยที่ 5.7%
อย่างไรก็ตามในภาพรวมปี 2565 ตลาดหุ้นไทยมีผลตอบแทนที่ดีกว่าหลายตลาด แต่ผู้ลงทุนให้ความสำคัญต่อหุ้นไทยค่อนข้างต่ำ จากความนิยมการลงทุนต่างประเทศที่สูงขึ้นในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ดีการลงทุนหุ้นไทยเป็นตลาดที่นักลงทุนไทยคุ้นเคยเป็นอย่างดี และมีส่วนสำคัญต่อการจัดพอร์ตการลงทุน โดยเฉพาะช่วงที่การลงทุนต่างประเทศมีความเสี่ยงสูงอย่างในช่วงที่ผ่านมา
กองทุน AIA Thai Equity (AIA-TEQ) มีเงินไหลเข้าสะสมสูงสุดต่อเนื่องอีกหนึ่งไตรมาสด้วยมูลค่า 630 ล้านบาท รวมเงินไหลเข้าสุทธิทั้งปีเกือบ 1.8 พันล้านบาท ส่งผลให้โดยรวม บลจ.เอไอเอ มีเงินไหลเข้าสุทธิสะสมสูงสุดของปี 2.9 พันล้านบาท มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 2.7 หมื่นล้านบาท หรือขยับขึ้นมามีส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับที่ 4 ของตลาดกองทุนหุ้นไทยที่ไม่รวมกองทุนเพื่อประโยชน์ทางภาษี
ในส่วนของบลจ.รายใหญ่ในตลาดยังคงมีเงินไหลออกสุทธิต่อเนื่องในไตรมาสสุดท้าย แต่เป็นไปในทิศทางที่ชะลอตัวลงกว่าไตรมาสก่อนหน้า เช่น บลจ.ไทยพาณิชย์ที่มีส่วนแบ่งตลาดสูงสุด 16% มีเงินไหลออกสุทธิระดับ 2 ร้อยล้านบาท ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้าที่ระดับพันล้านบาท รวมทั้งปีเป็นเงินไหลออกสุทธิ 1.7 พันล้านบาท ขณะที่บลจ.อีสท์สปริงที่มีส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับที่ 2 มีเงินไหลออกอีกเล็กน้อย แต่รวมทั้งปีมีเงินไหลออกสูงสุด 2.6 พันล้านบาท
ด้านกองทุนหุ้นไทยที่ทำผลตอบแทนได้สูงสุดในรอบปี 2565 ที่ผ่านมา ได้แก่ กองทุนเปิดทิสโก้ หุ้นไทย Well-being ชนิดผู้ลงทุนทั่วไป (TISCOWB-A) มีผลตอบแทนสูงสุดในกลุ่ม Large-Cap อยู่ที่ 14.16% โดยกองทุนเน้นลงทุนในหุ้นที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่เป็นส่วนประกอบของดัชนี SET Well-being (SETWB) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน กลุ่มหลักทรัพย์ 30 หลักทรัพย์ใน 7 หมวดธุรกิจที่ประเทศไทยมีศักยภาพในการแข่งขันและเป็นธุรกิจ ที่ผู้ลงทุนต่างชาติให้ความสนใจ
เปิดพอร์ตกองทุน 5 อันดับหุ้นที่ลงทุน ได้แก่ AOT สัดส่วน 10.36% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ BGMS สัดส่วน 9.09% CPALL สัดส่วน 9.06% CRC สัดส่วน 6.87% และ COM7 สัดส่วน 5.98% โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่ลงทุนสูงสุด ได้แก่ พาณิชย์ 43.47% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ การแพทย์ 18.40% อันดับสาม ขนส่งและโลจิสติกส์ 13.58% อันดับสี่ อาหารและเครื่องดื่ม 11.76% อันดับห้า หุ้นในตลาดหลักทรัพย์ mai สัดส่วน 4.71% อันดับหก การท่องเที่ยวและสันทนาการ 3.50% อันดับเจ็ด พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ 2.51% แฟชั่น 0.89% เงินทุนและหลักทรัพย์ 0.22%