AURA เปิดเทรดวันแรก 13.90 บาท สูงกว่าราคาขาย IPO 27.52%

HoonSmart.com>>หุ้น AURA เปิดเทรดวันแรกที่ 13.90 บาท สูงกว่าราคาขาย IPO 27.52% บล.ทิสโก้ ประเมินกำไรสุทธิจะเติบโตสู่ระดับ 714, 948 และ 1,186 ล้านบาท คิดเป็นการเติบโตที่ 22%, 33% และ 25% YoY ในปี 65-67 ตามลำดับ ตามแผนขยายสาขา -รายได้ดอกเบี้ยรับพุ่ง-เล็งต้นทุนทางการเงินหดหลังเข้าตลาด พร้อมประเมินมูลค่ากิจการที่ 13.8 บาท

หุ้น AURA เปิดเทรดวันแรกที่ 13.90 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท หรือ +27.52% จากราคาขาย IPO ที่ 10.90 บาท/หุ้น

บล.ทิสโก้ เป็นผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ของบริษัท ออโรร่า ดีไซน์ (AURA) ประเมินมูลค่ากิจการ AURA ที่ 13.8 บาท หรือมูลค่าตลาด 18,379 ล้านบาท บน EPS ปี 2566 ที่ 0.71 บาท/หุ้น โดยใช้ P/E ที่ 19.4x โดย discount 15% จากค่าเฉลี่ยกลุ่มค้าปลีกในประเทศไทยที่ 22.8x เพื่อสะท้อนความเสี่ยงของธุรกิจที่มีมากกว่าทั้งในแง่ของสินค้าที่มีลักษณะเป็นโภคภัณฑ์, การดำเนินงานที่ต้องอาศัยใบอนุญาตและประสิทธิภาพการทำกำไรที่ต่ำกว่ากลุ่ม

ทั้งนี้ ประเมินกำไรสุทธิจะเติบโตสู่ระดับ 714, 948 และ 1,186 ล้านบาท คิดเป็นการเติบโตที่ 22%, 33% และ 25% YoY ในปี 65-67 ตามลำดับ หลัก ๆ มาจากรายได้หลักที่เติบโตขึ้น 19% CAGR ตามแผนการขยายสาขาเป็น 409 สาขา (จาก 265 ในไตรมาส 2/65), รายได้ดอกเบี้ยรับที่จะเติบโตก้าวกระโดดจาก 228 ล้านบาทในปี 65 เป็น 417 ล้านบาท และในขณะที่ต้นทุนทางการเงินคาดว่าจะคงที่หรือลดลงได้เล็กน้อยหลักจากการระดมทุนเข้าตลาดและทยอยจ่ายคืนเงินกู้จากสถาบันการเงิน ส่งผลให้มองว่า NPM จะปรับตัวสูงขึ้นจาก 2.7% ในปี 65 เป็น 3.1% และ 3.2% ในปี 66-67 ตามลำดับ

แม้แนวโน้มราคาทองคำในตลาดโลกอาจไม่ใช่แนวโน้มขาขึ้นเหมือนในปี 62-64 แต่โมเดลธุรกิจสามารถทำกำไรได้ทุกช่วงการเปลี่ยนแปลงของราคาทอง อีกทั้งเชื่อว่า AURA ยังมีโอกาสในการเติบโตจากฐานต่ำในปีก่อนและการขยายสาขาเพื่อเพิ่มปริมาณการขายของธุรกิจหลักที่คู่แข่งส่วนใหญ่เป็นรายเล็ก (ร้านค้าทองราว 8,911 ราย อ้างอิงจาก GIT) และอยู่แบบกระจุกตัวโดยการใช้กลยุทธ์ด้านราคาและมาตรฐานที่ดีกว่า ในขณะที่ยังมีความน่าสนใจจากการเติบโตก้าวกระโดดของธุรกิจขายฝากที่ตั้งเป้าแย่งสวนแบ่งลูกหนี้จากโรงรับจำนำที่มีมูลค่าสูงกว่า 8 หมื่นล้านบาทเป็นตัวเร่งกำไรสุทธิ โดยมีจุดเด่นคือสามารถนำทองรูปพรรณที่เป็นหลักประกันไปเป็นสินค้าคงเหลือได้เลยโดยไม่ต้องผ่านกระบวนการทางกฎหมายเหมือนโรงรับจำนำ และในอดีตไม่มีการตั้งค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิต (ECL: Expected credit loss)

AURA ประกอบธุรกิจค้าปลีกทองรูปพรรณ เครื่องประดับเพชรและอัญมณีแบบครบวงจร รวมถึงการขาย รับซื้อคืน รับขายฝากสินค้า และบริการหลังการขาย โดยเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่มีประสบการณ์ยาวนานกว่า 50 ปี และเป็นหนึ่งในผู้เริ่มการขายทองรูปพรรณในห้างสรรพสินค้าที่มีการเติบโตผ่านการขยายสาขาอย่างต่อเนื่องจน ณ 30 มิถุนายน 2565 อยู่ที่ 265 สาขา AURA ตั้งเป้าการเติบโตผ่านการขยายสาขาเป็น 409 สาขา และพอร์ตลูกหนี้ขายฝากที่ 3,846 ล้านบาท (จาก ณ 30 มิถุนายน 2565 ที่ 1,789 ล้านบาท) ในปี 67 โดยอาศัยฐานข้อมูลเชิงลึกจากลูกค้ากว่า 6.5 แสนราย และบริการออนไลน์กว่า 6 แพลตฟอร์ม