“คิงส์ฟอร์ด” แนะหุ้นโรงกลั่น-COM7

HoonSmart.com>> บล.คิงส์ฟอร์ด ประเมินดัชนี SET ได้แรงหนุนจาก Fed ชะลอขึ้นดอกเบี้ย เป็นผลบวกต่อ Fund Flow วางแนวรับดัชนีที่ 1,615 – 1,620 จุด แนวต้าน 1,630 – 1,635 จุด แนะหุ้นกลุ่มโรงกลั่น ชี้เป้า TOP, BCP, SPRC พร้อมหุ้นขายสินค้าไอที “COM7”

บริษัทหลักทรัพย์คิงส์ฟอร์ด ประเมินดัชนี SET ได้แรงหนุนจาก Fed ชะลอขึ้นดอกเบี้ย เป็นผลบวกต่อ Fund Flow วางแนวรับดัชนีที่ 1,615 – 1,620 จุด แนวต้าน 1,630 – 1,635 จุด แนะนำซื้อกลุ่มค้าปลีก MAKRO, CRC, COM7, GSPC, BGRIM,GUNKUL เก็งกำไร DELTA, SVI, SMT ปัจจัยหนุนจาก US Bond Yield 10 ปี ลดลง

หุ้นกลุ่มโรงกลั่น รับ Sentiment บวกจากค่าการกลั่นสิงคโปร์ในช่วงสัปดาห์นี้ที่ปรับขึ้นมาที่ระดับ US$8-10/bbl โดย Crack Spread Jet Diesel (Middle Distillates) เพิ่มขึ้นเด่นอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งจากความต้องการใช้ในการเดินทางระหว่างประเทศและใช้ทำความร้อน ขณะที่ประเด็นหลักจะมาจากการที่สหภาพยุโรปจะห้ามนำเข้าน้ำมันดิบของรัสเซียในวันที่ 5 ธ.ค.65 และในวันที่ 5 ก.พ.66 จะห้ามนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปจากรัสเซีย ส่งผลให้ Trader ต้องมีการเร่งซื้อตุนเอาไว้ก่อน โดยที่ผ่านมายุโรปต้องพึ่งพาน้ำมันดีเซลของรัสเซียอย่างมากจากภาคขนส่งที่ส่วนใหญ่ใช้ Diesel Engine

ขณะที่โรงกลั่นในยุโรปมี Configuration ที่เหมาะกับน้ำมันดิบ Ural (Heavy-sour) ดังนั้นเชื่อว่าในช่วงที่ Trade Flow กำลังเปลี่ยนเพื่อหาแหล่งน้ำมันใหม่ น่าจะทำให้ Crack Spread Middle Distillates อยู่ในระดับสูงถึงปีหน้า ดังนั้นเลือกเก็งกำไรโรงกลั่นที่มี Yield ในส่วนนี้สูงอย่าง TOP, BCP, SPRC

สำหรับหุ้นแนะนำวันนี้ ได้แก่ COM7 (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย Blooomberg Consensus 39.00 บาท) คาดภาพการดำเนินงานเติบโตไปตามอุตสาหกกรรม IT ทั้งในส่วนของมือถือ และ สินค้า DIY( งานกราฟิก/ผู้เล่นเกมส์ worldwide สูงขึ้น) เบื้องต้น ประเมินผลประกอบการ 4Q65 เป็นจุดสูงสุดของปี เข้าสู่ High Season และ มีปัจจัยบวกจาก iPhone 14 ขณะที่ทาง COM7 เอง มีการขยายหน้าร้านอย่างต่อเนื่องโดย 3Q65 ขยายสาขาเพิ่มจาก 2Q65 37 สาขา คาดว่าในช่วง 4Q65 จะเปิดเพิ่ม 51 สาขา และ ปี 66 มีแผนเปิดเพิ่ม 166 สาขา

นอกจากนี้ ในส่วนของธุรกิจ ร้านขายยา(ร่วมกับ BDMS) ก็จะเปิดสาขาแรก และอีก 3 สาขา ใน 4Q65 นี้ และปีหน้ามีแผนเปิดอีก 40 สาขา ทั้งนี้ consensus คาดว่าปี65 และ66 กำไรสุทธิ Com7* จะอยู่ที่ 3.16 พันล้านบาท (+20%YoY) และ 3.49 พันล้านบาท (+10%YoY) ตามลำดับ