BCP ตั้งเป้า EBITDA 7 หมื่นลบ.ปี 73 ทุ่มงบลงทุน 2 แสนลบ. บุก 5 ธุรกิจ

HoonSmart.com>>”กลุ่มบางจาก”ผงาด ตั้งเป้า EBITDA แตะ 7 หมื่นล้านบาท ในปี 73 จากสิ้นปีนี้คาดทำได้ 4 หมื่นล้านบาท ยกฐานสูงขึ้นจากที่เคยอยู่ที่เฉลี่ย 1 หมื่นล้านบาทในช่วงปี 58-63 ทุ่มงบลงทุน 8 ปี  ร่วม 2 แสนล้านบาท มีสภาพคล่องสูงถึง 4 หมื่นล้านบาท พร้อมจ่ายเงินปันผล 5 ธุรกิจหลักประกาศแผนเติบโต สร้าง New S-Curve เดินหน้าสู่อนาคตที่ยั่งยืนและ ESG  เปลี่ยนตราสัญลักษณ์ “ใบไม้ใบใหม่”  

นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจาก และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจากคอร์ปอเรชั่น (BCP) พร้อมคณะผู้บริหารแถลงแผนยุทธศาสตร์ถึงปี 2573(2030) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ตั้งเป้ากำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) แตะ 70,000 ล้านบาท จากสิ้นปี 2565 คาดจะเติบโตเป็น 40,000 ล้านบาท หลังจาก 9 เดือนแรกอยู่ที่ 37,773 ล้านบาท โดยบริษัทฯฯตั้งงบลงทุน 8 ปีข้างหน้า รวมทั้งสิ้น 2 แสนล้านบาท และในปี 2566 จะใช้เงินจำนวน 45,000 ล้านบาท ปัจจุบันมีสภาพคล่องสูงถึง 4 หมื่นล้านบาท และสินทรัพย์มากกว่า 2 แสนล้านบาท พร้อมที่จะลงทุน และมีเงินสำหรับการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้น

” EBITDA ที่คาดว่าจะทำได้ถึง 40,000 ล้านบาทในปีนี้ เป็นฐานใหม่ เพื่อก้าวไปสู่ 70,000 ล้านบาท เราจะไม่กลับไปที่เดิม ซึ่งในช่วงปี 2558-2563 เฉลี่ยประมาณ 10,000 ล้านบาท นับตั้งแต่ปี 2558 เป็นต้นมา กลุ่มบางจากได้ขยายสู่ธุรกิจใหม่ ๆ  เช่น กลุ่มธุรกิจพลังงานไฟฟ้า กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพ กลุ่มธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติ เปรียบเสมือนการเดินทางสู่บทใหม่ๆ ที่มีโอกาสแห่งการเติบโตมากมายรออยู่ รวมถึงการวางยุทธศาสตร์ โดยมี 5 ธุรกิจหลักพร้อมที่จะเติบโตสู่อนาคตที่ยั่งยืน  พร้อมปรับวิสัยทัศน์ รังสรรค์โลกยั่งยืนด้วยนวัตกรรมสีเขียว และร่วมขับเคลื่อนสังคมคาร์บอนต่ำ มุ่งสร้างความสมดุลระหว่างความมั่นคงทางพลังงานควบคู่กับการสร้างความยั่งยืนของโลก”นายชัยวัฒน์กล่าว

สำหรับสัดส่วน EBITDA ในปี 2573 จะมาจากธุรกิจการสำรวจและผลิตปิโตรเลียม (E&P) ประมาณ 50%, ธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมัน 18% และธุรกิจพลังงานไฟฟ้าภายใต้การดำเนินงานของ บริษัท บีซีพีจี (BCPG) ราว 10% ที่เหลือจะมาจากธุรกิจการตลาด ราว 6-8% และธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพ 6-8%

ธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมัน บริษัทตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วน EBITDA จากกลุ่มธุรกิจเชื้อเพลิงนอกกลุ่มยานยนต์เป็นกว่า 60%  จะมุ่งเน้นผลิตภัณฑ์นอกเหนือจากน้ำมันยานยนต์และผลิตภัณฑ์ที่มีศักยภาพตามความต้องการของตลาดหรือลูกค้าเฉพาะกลุ่มเช่น Unconverted Oil และเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel หรือ SAF)  ปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้างโรง SAF ร่วมกันกับพันธมิตร 3 ราย เพื่อรวบรวมน้ำมันใช้แล้วมาผลิตเป็นเชื้อเพลิงใหม่  คาดยอดขาย 1 ล้านลิตร/วัน เริ่มในปี 2567  ส่วนรายได้จากการขายน้ำมันยานยนต์จะลดลงเหลือ 40% โดยยังคงรักษาระดับกำลังการกลั่นเท่าเดิมที่ 1.2 แสนบาร์เรล/วัน และไม่มีแผนการปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นยาวถึงปีหน้า จะปิดซ่อมอีกครั้งในปี 2567-2568

กลุ่มธุรกิจการตลาด ตั้งเป้าขยายสถานีบริการน้ำมันบางจากเติบโตเป็น 1,900 แห่งในปี 2573 จากปีนี้คาดทำได้ 1,340 แห่ง และมีแผนเพิ่มเป็น 1,410 แห่งในปีหน้า มุ่งมั่นเป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางที่ตอบโจทย์ผู้บริโภค ส่วนสาขาร้านกาแฟอินทนิลตั้งเป้าที่ 3,000 แห่งทั่วประเทศในปี 2573 จากปีนี้จะอยู่ที่ 1,030 แห่ง และปีหน้าจะขยายเป็น 1,250 แห่ง

กลุ่มธุรกิจพลังงานไฟฟ้า ภายใต้การดำเนินงานของบริษัท บีซีพีจี (BCPG) ตั้งเป้าหมายเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าเป็น 6,800 GWh จากปีนี้จะอยู่ที่ 1,100 GWh และปีหน้า 3,600 GWh เน้นกลุ่มธุรกิจพลังงานสีเขียว เสริมด้วยธุรกิจที่มีศักยภาพในอนาคต เช่น ธุรกิจแบตเตอรี่และการกักเก็บพลังงานการให้บริการด้านเทคโนโลยีพลังงาน พลังงานรูปแบบใหม่และธุรกิจคาร์บอนต่ำอื่น ๆ

กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพ ภายใต้บริษัท บีบีจีไอ( BBGI) ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนธุรกิจหลักกว่า 70% ของ EBITDA ให้มาจากผลิตภัณฑ์ชีวภาพมูลค่าสูง เน้นการรุกขยายธุรกิจผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ บริษัทฯ มีแผนต่อยอดการเติบโตในกลุ่มธุรกิจเชื้อเพลิงชีวภาพ โดยเฉพาะเชื้อเพลิงอากาศชีวภาพแบบยั่งยืน SAF สำหรับอุตสาหกรรมการบิน

กลุ่มธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติและธุรกิจใหม่ ในส่วนของธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม มีเป้าหมายการผลิตมากกว่า 100,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวันภายในปี 2573 จากแหล่งปิโตรเลียมในประเทศของนอร์เวย์ ผ่านบริษัทฯ OKEA ASA ที่ BCP เข้าไปเป็นผู้ถือหุ้นหลัก ส่วนธุรกิจใหม่อื่นๆ บริษัทตั้งเป้าหมายการเพิ่มสัดส่วน EBITDA กว่า 7,000 ล้านบาทภายในปี 2573 จากธุรกิจที่กำลังพัฒนา อาทิ Winnonie ผู้นำแพลตฟอร์มให้บริการรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าพร้อมเครือข่ายสับเปลี่ยนแบตเตอรี่อัตโนมัติ, ธุรกิจก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) และธุรกิจ New S-Curve ใหม่ๆ เป็นต้น

นายชัยวัฒน์กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นมาของกลุ่มบางจาก ได้มีการเปลี่ยนตราสัญลักษณ์ “ใบไม้ใบใหม่” เริ่มใช้ทดแทนรูปใบไม้เดิมอย่างเป็นทางการ ตั้งแต่วันที่ 23 พ.ย.65 นี้เป็นต้นไป โดยไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานและบริการทางธุรกิจใดๆ ของบริษัท

ด้านแนวโน้มราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปี 2566 โกลด์แมน แซคส์คาดว่าจะยืนอยู่ในระดับสูงมากกว่า 120 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล  มีหลายปัจจัยสนับสนุน เช่น น้ำมันที่อยู่ในคลังสำรองเชิงยุทธศาตร์ในประเทศที่พัฒนาแล้วจะอยู่ระดับต่ำสุดเท่าที่เคยมีมา จะต้องซื้อเพิ่มเข้ามา  ส่วนจีน ก็จำเป็นต้องเปิดประเทศ