HoonSmart.com>>หุ้นในกลุ่มธนาคารขยับขึ้นยกแผง นำโดย BBL-TISCO-KBANK-KTB โบรกฯให้เพิ่มน้ำหนักลงทุน หลังสินเชื่อ ต.ค. 65 ทรงตัว MoM จากสินเชื่อรายใหญ่และรายย่อยเพิ่มขึ้น แต่สินเชื่อภาครัฐหดตัวลง โดยคาดภาพรวมสินเชื่อเดือน พ.ย.-ธ.ค. 65 จะเห็นการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง เพราะสินเชื่อรายใหญ่อยู่ในช่วงเร่งตัวขึ้น และภาพรวมอุตสาหกรรมยานยนต์ฟื้นตัวได้จากงาน Motor Expo (1-12 ธ.ค.) เลือก KTB, BBL เป็น Top pick เพราะ valuation ยังถูก
เมื่อเวลา 10.46 น.หุ้นในกลุ่มธนาคารขยับขึ้นยกแผง นำโดยหุ้น BBL บวก 1.40% มาอยู่ที่ 144.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท มูลค่าซื้อขาย 224.56 ล้านบาท
หุ้น TISCO บวก 0.78% มาอยู่ที่ 97.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท มูลค่าซื้อขาย 101.56 ล้านบาท
หุ้น KBANK บวก 0.70% มาอยู่ที่ 143.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท มูลค่าซื้อขาย 280.74 ล้านบาท
หุ้น KTB บวก 0.57% มาอยู่ที่ 17.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท มูลค่าซ์้อขาย 133.98 ล้านบาท
บล.ดาโอ (ประเทศไทย) แนะนำ”เพิ่มน้ำหนักลงทุน”หุ้นในกลุ่มธนาคาร สินเชื่อ ต.ค. 65 ทรงตัว MoM จากสินเชื่อรายใหญ่และรายย่อยเพิ่มขึ้น แต่สินเชื่อภาครัฐหดตัวลง ภาพรวมสินเชื่อเดือน ต.ค. 65 ทั้ง 8 ธนาคารที cover อยู่ที่ 11.1 ล้านล้านบาท ทรงตัว MoM (Fig 2) จากสินเชื่อรายใหญ่และ รายย่อยเพิ่มขึ้น แต่สินเชื่อภาครัฐหดตัวลง โดยธนาคารที่มีสินเชื่อเพิ่มขึ้นมากที่สุด MoM คือ LHFG เพิ่มขึ้นที่ +2.3% MoM จากสินเชื่อรายใหญ่และสินเชื่อบ้านที่เติบโตได้ดี รองลงมาเป็น BBL เพิ่มขึ้น +1.6% MoM จากสินเชื่อรายใหญ่และสินเชื่อในต่างประเทศยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ธนาคารที่มีสินเชื่อลดลงมากที่สุดเมื่อเทียบ MoM คือ KTB ลดลง -2.2% จากสินเชื่อภาครัฐเป็นหลัก ส่วนภาพรวมของเงินฝากในเดือน ต.ค. 65 อยู่ที่ ระดับ 12.7 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.1% MoM โดย KTB มีการปรับตัว เพิ่มขึ้น MoM มากที่สุดที่ +4.3% รองลงมาเป็น KKP ที่ +3.5% MoM เนื่องจากมีการเร่งระดมเงินฝากประจำเพิ่มขึ้นท่ามกลางแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น
ทั้งนี้ มองเป็นกลางต่อกลุ่มธนาคาร โดยมีมุมมองเป็นกลางต่อสินเชื่อในเดือน ต.ค. 2565 ที่ทรงตัว MoM ได้จากการเติบโตของสินเชื่อรายใหญ่และสินเชื่อรายย่อยอย่างเช่าซื้อและบ้าน แต่สินเชื่อภาครัฐมีการปรับตัวลดลงตามฤดูกาล ขณะที่คาดว่าภาพรวมของสินเชื่อในเดือน พ.ย.-ธ.ค. 2565 จะเห็นการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง เพราะสินเชื่อรายใหญ่อยู่ในช่วงเร่งตัวขึ้น และภาพรวมของอุตสาหกรรมยานยนต์ที่จะฟื้นตัวได้จากงาน Motor Expo (วันที่ 1-12 ธ.ค.) โดยการเติบโตของสินเชื่อยังคงดีตามคาด ซึ่งทำให้ภาพรวมสินเชื่อรวมทั้งปี 65 ของกลุ่มที่คาดไว้ที่ +4% YoY (เทียบกับสินเชื่อรวมของกลุ่มใน 10 เดือนปี 65 อยู่ที่ +2.9% YTD) ยังคงทำได้ตามคาด อย่างไรก็ดี ให้ความสาคัญกับประเด็นของ NPL มากกว่าที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่เชื่อว่าจะทยอยเพิ่มขึ้นไม่น่ากังวลมากนัก เพราะธปท.มีการต่อมาตรการไปถึง 31 ธ.ค. 2566
โดยยังคงน้าหนักเป็น “มากกว่าตลาด” เลือก KTB, BBL เป็น Top pick เพราะ valuation ยังถูก เทรดที่ระดับเพียง 0.70x PBV (-1.0SD below 10-yr average PBV) ด้าน NPL แม้ว่าจะยังอยู่ในขาขึ้น แต่เป็นการทยอยปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างค่อยเป็น ค่อยไป โดยชอบกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่มากกว่าธนาคารขนาดเล็ก เนื่องจากได้ประโยชน์จากแนวโน้มของอัตราดอกเบี้ยที่เป็นขาขึ้น โดยยังเลือก KTB เป็น Top pick ราคาเป้าหมายปี 66 ที่ 20 บาท เพราะได้รับผลดีจากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่เป็นขาขึ้น ด้าน valuation ปัจจุบันยัง Laggard เมื่อเทียบในกลุ่มธนาคาร โดยซื้อขายที่ระดับต่าเพียง PBV ที่ 0.64x (กลุ่มธนาคารซื้อขายที่ 0.70x) ขณะที่คาดว่าจะมี upside เพิ่มจากการใช้ data ใน application เป๋าตัง และอื่น ๆ ที่ช่วยเหลือรัฐบาล ซึ่งสามารถนำข้อมูลมา cross-selling เพิ่มเติม ได้อีกในอนาคต
นอกจากนี้ ชอบ BBL ราคาเป้าหมายปี 66 ที่ 170 บาท เพราะ BBL เป็นหุ้นที่ได้ประโยชน์สูงสุดจากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่เป็นขาขึ้น ขณะที่ยังมีความแข็งแกร่งทางด้านการเงินที่รองรับความเสี่ยงที่เกิดขึ้นได้ดีกว่าคู่แข่ง เพราะ มี coverage ratio อยู่ในระดับสูง นอกจากนี้ Valuation ยังน่าสนใจโดยเทรดที่ PBV เพียง 0.53x หรือที่ระดับ -1.25SD ย้อนหลัง 10 ปี และจะได้ sentiment เชิงบวกจากสินเชื่อที่เติบโตได้ดีในเดือน ต.ค. 65