โบรกฯส่งข้อมูล 20 คนขายหุ้น MORE โยงใยเครือข่ายคนซื้อ 4 พันลบ. ถึงมือผบชก.

Hoonsmart.com>>ผบช.ก. เผยรับเรื่องร้องทุกข์ 11 โบรกเกอร์ เสียหายหุ้น MORE กว่า 4 พันล้านบาท แจ้งข้อหาฉ้อโกง โฟกัสผู้ขายหุ้นกว่า 20 ราย เข้าข่ายต้องสงสัยร่วมมือกับผู้ซื้อ พร้อมตรวจสอบถึงเส้นทางการเงิน  ระดม 3 กองบังคับการตั้งคณะทำงานเรียกสอบปากคำทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ด้าน ตลท.แถลงพบลักษณะซื้อขายผิดปกติ คนขายหลักสิบเสนอราคาเดียวกันกับคนซื้อ 1 รายให้แมทช์กัน ผ่านไป 20 นาทีปล่อยราคาฟลอร์  ยันผลสอบคืบหน้า 50% ขอดูแพทเทิร์นในอดีต เพื่อสร้างสตอรี่ คาดสรุปผล 18 พ.ย.นี้ เปิดรับข้อมูลให้โอกาส “จำเลย”เปลี่ยนเป็น “พยาน” ไม่แน่ใจขึ้น SP ยาวหรือไม่  

พลตำรวจโท จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตํารวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) แถลงข่าวว่า วันนี้ (16 พ.ย.2565) มีโบรกเกอร์ 11 ราย ได้รับความเสียหายรวมกันกว่า 4,000 ล้านบาท มาร้องทุกข์กล่าวโทษผู้ขายหุ้นบริษัทมอร์ รีเทิร์น (MORE) ในข้อหาฉ้อโกง โดยมองว่าผู้ซื้อ 1 ราย และผู้ขายมีมากกว่า 20 รายที่เข้าข่ายต้องสงสัย ว่าเป็นเครือข่ายเดียวกัน ร่วมกันปล้นโบรกเกอร์

ก่อนหน้านี้ตลาดหลักทรัพย์ฯได้ร้องขอให้ทางบช.ก.ตรวจสอบข้อเท็จจริงในการซื้อขายหุ้น MORE โดยตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 1 ชุด ประกอบด้วย บก.ปอศ.(กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยี), บก.ป.(กองบังคับการกองปราบปราม), และ  บก.ปอท. (กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี) ร่วมแสวงหาข้อเท็จจริงกรณีการซื้อขายหุ้น MORE โดยจะสอบปากคำผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายทั้ง ตลาดหลักทรัพย์ฯ, ก.ล.ต., โบรกเกอร์, ผู้ซื้อ และผู้ขายหุ้น MORE กว่า 20 รายดังกล่าว จะตรวจสอบทั้งธุรกรรมการซื้อขาย และเส้นทางการเงินของผู้ที่ต้องสงสัยทุกราย โดยจะเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด และหากผลการตรวจสอบพบว่ามีการกระทำความผิดเพิ่มเติมในข้อหาอื่นๆก็จะดำเนินคดีต่อไป

ในวันเดียวกัน นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ร่วมกับ นายพิเชษฐ์ สิทธิอำนวย นายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย (ASCO) ร่วมแถลงความคืบหน้ากรณีหุ้น MORE โดยตลาดหลักทรัพย์พบลักษณะการส่งคำสั่งซื้อขายหุ้นที่ผิดปกติในวันที่ 10 พ.ย.65 ราคาเปิดเพิ่มขึ้น 4.3% มีปริมาณการซื้อขายสูงถึง 1,500 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่าเกือบ 4,300 ล้านบาท  ฝั่งซื้อ พบว่า เป็นการส่งคำสั่งซื้อจากผู้ซื้อเพียง 1 รายผ่านโบรกเกอร์หลายแห่งที่ราคา 2.90 บาท ส่วนฝั่งขายมีการส่งคำสั่งขายเป็นจำนวนมากจากผู้ขายหลายสิบรายที่ระดับราคาใกล้เคียงกับราคาเสนอซื้อเพื่อให้แมทช์กัน ทั้งนี้ จำนวนที่สั่งขายตั้งแต่ประมาณ 70 ล้านหุ้น/ราย ไปจนถึงประมาณ 600 ล้านหุ้น/ราย หลังจากนั้นภายในไม่ถึง 20 นาที ราคาได้ทยอยปรับตัวลงจนไปต่ำสุดที่ฟลอร์ ราคา 1.95 บาทจนปิดตลาด  ฝ่ายกำกับการซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้แจ้งเตือนบริษัทสมาชิกถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้น ส่วนวันที่ 11 พ.ย. เปิดฟลอร์ในทันทีที่ 1.37 บาท แต่มูลค่าการซื้อขายเบาบางเหลือเพียง 134 ล้านบาท

“ตลท.ได้ร่วมกับโบรกเกอร์ รวบรวมข้อมูลการซื้อขายหุ้น MORE  วันที่ 10 พ.ย.ซึ่งจากการตรวจสอบร่วมกับหน่วยงานกำกับดูแล พบธุรกรรมส่วนหนึ่งที่ต้องสงสัยที่มีความผิดปกติ จึงได้ระงับการจ่ายเงิน ระหว่างการตรวจสอบเพิ่มเติม ซึ่งเป็นหน้าที่ตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายที่เกี่ยวข้อง กรณี MORE ถือเป็นบทเรียน เป็นการบริหารผิดพลาด

จุดใหญ่เป็นเรื่องของการรวบรวมข้อมูลให้ทันเวลาและครบถ้วน วิธีการพัฒนา เราจะต้องใช้ในการปรับปรุงระเบียบกฎเกณฑ์ วิธีการทำงาน ให้ปรับตัวให้เร็วขึ้น”

นอกจากนี้ ตลท.ได้ประสานงานกับกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อให้เข้ามาทำการสอบสวน ซึ่งคาดว่าจะสรุปข้อมูลในการตรวจสอบได้ภายในวันศุกร์ที่ 18 พ.ย. นี้ ซึ่งขณะนี้ถือว่ามีข้อมูลเกินกว่า 50% แล้ว และขอให้ผู้ที่มีข้อมูลการซื้อขาย MORE ผิดปกติมาติดต่อให้ข้อมูลเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ที่อาจตกเป็นจำเลยถูกกันไว้เป็นพยานแทน

ส่วนการเปิดซื้อขายหุ้น  MORE ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะมีการต่อระยะเวลาขึ้น SP ที่กำหนดในวันที่ 18 พ.ย.นี้หรือไม่

สำหรับมาตรการป้องกันเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นซ้ำรอย MORE ในอนาคต นายภากรกล่าวว่า  สัปดาห์หน้า ตลท.จะร่วมกับสมาคม บล. และ ก.ล.ต.จะหารือร่วมกัน ซึ่งจะทำให้หลักเกณฑ์หลายอย่างต้องเปลี่ยนแปลงไปแน่นอน โดยเฉพาะการปล่อยสินเชื่อเพื่อซื้อหลักทรัพย์ (มาร์จิ้น) เช่น อาจจะมีการรวมวงเงินมาร์จิ้น  เป็นเรื่องความจำเป็นในการพัฒนา สิ่งที่ควรจะรีบไปดูว่า  เกณฑ์ที่ใช้ในการพิจารณาวงเงินจากหุ้นที่ใช้เป็นหลักประกันการชำระค่าซื้อขายแบบยอดสุทธิ (Net Settlement) จะต้องมีการศึกษาและปรับปรุงให้เกิดมาตรฐานในอุตสาหกรรม เช่น จะมีวิธีการวัดเรตติ้งหุ้น มีวิธีการกำหนดแฮร์คัตอย่างไร เป็นต้น หุ้นเอามาวางไว้กี่ % และแฮร์คัตหากนำหุ้นปตท.(PTT) อาจจะไม่มีแฮร์คัต เพื่อพิจารณาแนวทางในการอุดช่องโหว่ที่เกิดขึ้น

ส่วนเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าตลาดออกมาเตือนช้าเกินไป นายภากรกล่าวว่า ตลท.เห็นความผิดปกติตั้งแต่ตลาดเปิดแล้วทำให้ออกมาเตือนในช่วงของหยุดการซื้อขายในช่วงเที่ยงว่าการซื้อขายมีความผิดปกติ และเกณฑ์ของตลาดจะต้องเตือนในช่วงที่ตลาดปิดแล้ว ซึ่งเป็นการเตือนเลยในโอกาสแรกที่สามารถทำได้ ซึ่งเป็นเรื่องปกติและเป็นเหมือนกันทั่วโลก

ส่วนกระแสข่าว นายอมฤทธิ์ กล่อมจิตเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MORE มีข้อเสนอให้ ตลท.เป็นตัวกลางในการเจรจาเพื่อเข้าซื้อหุ้น MORE ที่ถูกอายัดไว้ในบริษัทหลักทรัพย์ต่างๆ นั้น นายภากร ยืนยันว่า ไม่เคยได้รับการติดต่อจากนายอมฤทธิ์

นายภากร กล่าวว่า ฝากนักลงทุนรายย่อย และ นักลงทุนสถาบัน ให้ตรวจสอบเงินกองทุนสภาพคล่องสุทธิ (NCR) ของโบรกเกอร์ที่ใช้บริการอยู่ โดยปัจจุบันมองว่ามีข้อมูลครบถ้วนแล้วที่จะสามารถประเมินได้ว่าผลกระทบที่มีต่อบริษัทหลักทรัพย์นั้นๆ เป็นอย่างไรบ้าง และ บริษัทหลักทรัพย์ต่างๆ มีแผนงานอย่างไรในการที่จะดำเนินกิจการต่อไปได้

สำหรับผลกระทบที่เกิดขึ้นจากกรณีหุ้น MORE กว้างมากไม่ใช่แค่เพียงบริษัทหลักทรัพย์เท่านั้น แต่จะกระทบไปยังกลุ่มนักลงทุนที่ไม่ใช่เพียงแค่นักลงทุนในหุ้น MORE เท่านั้น แต่เป็นนักลงทุนทั้งหมดในตลาดหลักทรัพย์ที่จะกระทบด้านความเชื่อมั่นในระบบของตลาดฯ ว่าจะสามารถรองรับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นรูปแบบนี้ได้อย่างไรบ้าง ระบบเคลียริ่งสามารถรองรับได้หรือไม่ , NCR ของบริษัทหลักทรัพย์มีเพียงพอหรือไม่ , ระบการตรวจสอบความผิดปกติในการลงทุนสามารถทำได้รวดเร็วเพียงพอหรือไม่

” ตลท. ตัดสินใจในการที่จะดำเนินการในรูปแบบนี้ ได้รับข้อมูลเพียงพอที่จะไปดำเนินการต่อ และทำให้ตลาดฯกลับเข้าสู่ภาวะปกติได้อย่างรวดเร็ว” นายภากร กล่าว

ด้านนายพิเชษฐ กล่าวว่า ปัจจุบันหุ้น MORE ได้ถูกโอนไปยังบริษัทหลักทรัพย์ฝั่งซื้อเรียบร้อยแล้ว และเงินได้ถูกโอนไปยังบริษัทหลักทรัพย์ฝั่งขายแล้วเช่นกัน แต่ในรายการต้องสงสัยได้มีการระงับการรับเงินของลูกค้าไว้เพื่อที่จะทำการตรวจสอบ โดยมีหลักสิบบัญชี ขณะที่บัญชีปกติมีจำนวนกว่า 3,000 บัญชี

ปัญหาที่เกิดขึ้น เกณฑ์ต่างๆได้มีการพิจารณาและหาแนวทางในการอุดช่องโหว่มาอย่างต่อเนื่อง เช่น การโอนหุ้นข้ามชื่อที่ในอดีตสามารถทำได้ แต่เมื่อพบว่าเกิดปัญหาก็ไม่สามารถโอนหุ้นข้ามชื่อได้

“เราพยายามจะอุดรูรั่ว  มันไม่ใช่เรื่องแปลกที่ทำไมถึงพบรูรั่ว แน่นอนมีคนพยายามเอาช่องโหว่มาใช้ให้เป็นประโยชน์ เราก็จะต้องพัฒนาควบคุมเรื่องต่างๆ ไปเรื่อยๆ  ถามว่าเราจะกลับไปสู่โลกแห่ง Cash Balance หรือเปล่า เป็นสิ่งที่จะต้องศึกษาอีกมาก เพราะว่าบางประเทศ อาทิ เวียดนามเป็น Cash Balance ทั้งหมด จริงๆ ตั้งแต่วันแรกมีโบรกเกอร์ถามว่า หรือเราจะกลับไปโลกเดิม ตอบไม่ได้ตอนนี้ ขอไปศึกษาให้ดีก่อน ” นายพิเชษฐ กล่าว

ปัจจุบันหุ้นได้ถูกโอนไปยังบริษัทหลักทรัพย์ฝั่งซื้อเรียบร้อยแล้ว และ เงินได้ถูกโอนไปยังบริษัทหลักทรัพย์ฝั่งขายแล้วเช่นกัน แต่ในรายการต้องสงสัยได้มีการระงับการทำธุรกรรมในบัญชีดังกล่าวของลูกค้าไว้เพื่อที่จะทำการตรวจสอบ โดยมีบัญชีที่ยังต้องระงับไว้หลักสิบบัญชี ขณะที่บัญชีที่ได้รับการดำเนินการตามปกติไปแล้วมีจำนวนกว่า 3,000 บัญชี

 

อ่านข่าว

“คิงส์ฟอร์ด” ตอกย้ำฐานะแกร่ง NCR ตามเกณฑ์ ยันไม่เกี่ยวอดีตผู้บริหารเดิม