กองทรัสต์ HYDROGEN ลงทุนคลังสินค้า-รง.เครือสหพัฒน์ ผลตอบแทน 7%

HoonSmart.com>> “สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง” พร้อมขายหน่วยทรัสต์ “HYDROGEN” ดีเดย์ 21–25 พ.ย.นี้ เปิดโอกาสร่วมลงทุน 4 โครงการ “คลังสินค้าและโรงงานในโครงการสวนอุตสาหกรรมเครือสหพัฒน์ ศรีราชา กบินทร์บุรี แม่สอด และโครงการไทเกอร์สุวรรณภูมิ ดีซี ลาดกระบัง” มูลค่า 2,845 ล้านบาท ชูอัตราผู้เช่าสูง 99.20% ประมาณการอัตราจ่ายประโยชน์ตอบแทนปีแรก 7.0% พร้อมเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ 13 ธ.ค.นี้

นายสาวิตร ศรีศรันยพงศ์ ผู้บริหารกลุ่มธุรกิจวาณิชธนกิจ ธนาคารกสิกรไทย ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าไฮโดรเจน (HYDROGEN) กล่าวว่า หน่วยทรัสต์ของกองรีท HYDROGEN พร้อมเปิดให้นักลงทุนจองซื้อในวันที่ 21 – 25 พ.ย.2565 ผ่านธนาคารกสิกรไทยและผู้ร่วมจัดจำหน่าย ได้แก่ บริษัทหลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์, บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) และบริษัทหลักทรัพย์ พาย ซึ่งมีกระแสตอบรับจากนักลงทุนให้ความสนใจลงทุนพอสมควร โดยคาดว่าจะนำหน่วยทรัสต์เข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในวันที่ 13 ธ.ค.นี้

“การลงทุนในกองรีทถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการกระจายการลงทุนเพื่อโอกาสรับผลตอบแทนอย่างสม่ำเสมอจากเงินปันผล และมีความผันผวนต่ำกว่าการลงทุนในหุ้น โดยกองรีท HYDROGEN นับเป็นการเปิดโอกาสให้ร่วมลงทุนในทรัพย์สินกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพของเครือสหพัฒน์ สะท้อนจากอัตราการเช่าพื้นที่อยู่ในระดับสูงและทำเลที่ตั้งของโครงการที่อยู่ในพื้นที่ยุทธศาสตร์ภาคการขนส่งและการผลิต จึงมีความต้องการเช่าพื้นที่อย่างต่อเนื่องจากผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมต่างๆ โดยกองรีทฯ ประมาณการอัตราการจ่ายประโยชน์ตอบแทนในปีแรก อยู่ที่ประมาณ 7.0% อ้างอิงช่วงเวลาประมาณการระหว่างวันที่ 1 ม.ค.-31 ธ.ค.2566″นายสาวิตร กล่าว

ทั้งนี้ การเข้าลงทุนครั้งแรกของกองรีทฯ มีมูลค่ารวมไม่เกิน 2,845.34 ล้านบาท โดยจะมาจากการเสนอขายหน่วยทรัสต์จำนวนไม่เกิน 2,077.20 ล้านบาท และส่วนที่เหลือจากมาจากการกู้ยืมสถาบันการเงิน

นายวิชัย กุลสมภพ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง (SPI) เปิดเผยว่า ในโอกาสครบรอบ 50 ปีของบริษัทฯ ได้แบ่งปันโอกาสการลงทุนในทรัพย์สินที่มีศักยภาพ จึงจัดตั้งทรัสต์ HYDROGEN ภายใต้คอนเซ็ปต์ “ผูกพัน แบ่งปัน มั่นคง” เพื่อเข้าลงทุนในกรรมสิทธิ์ในโครงการไทเกอร์ สุวรรณภูมิ ดีซี ลาดกระบัง และสิทธิการเช่าระยะเวลา 30 ปี ในโรงงานภายในโครงการสวนอุตสาหกรรมเครือสหพัฒน์ศรีราชา กบินทร์บุรี และแม่สอด รวมทั้งสิ้น 4 โครงการ

บริษัทฯ มีความมั่นใจในศักยภาพของทรัพย์สินทั้ง 4 โครงการที่กองรีทฯ จะเข้าลงทุนดังกล่าว เนื่องจากอยู่บนทำเลที่เป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ของการขนส่งสินค้าและภาคการผลิต สามารถเชื่อมต่อการขนส่งสินค้าทั้งทางบก ทางทะเลและทางอากาศ รวมถึงจะได้รับประโยชน์จากโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) การค้าชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้านตลอดจนภาพรวมเศรษฐกิจในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียนที่ทยอยฟื้นตัว จากนโยบายเปิดประเทศและผ่อนคลายข้อจำกัดการเดินทาง ส่งผลดีต่อความต้องการเช่าพื้นที่คลังสินค้าและโรงงานเพื่อขยายกิจการและเพิ่มกำลังการผลิต

นายปิยะพงศ์ พินธุประภา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไฮโดรเจน รีท แมเนจเม้นท์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองรีท HYDROGEN กล่าวว่า ทรัพย์สินทั้ง 4 โครงการที่กองรีท HYDROGEN จะเข้าลงทุนครั้งแรก ได้แก่ โครงการไทเกอร์ สุวรรณภูมิ ดีซี ลาดกระบัง และโครงการสวนอุตสาหกรรมเครือสหพัฒน์ศรีราชา กบินทร์บุรี และแม่สอด โดยโครงการไทเกอร์ สุวรรณภูมิ ดีซี ลาดกระบัง มีสัดส่วน 70% ของมูลค่ารวม ซึ่งเป็นสินทรัพย์หลักสร้างผลตอบแทนระยะยาว

“กองทรัสต์ HYDROGEN แตกต่างจากกองทรัสต์อื่นๆ ซึ่งมี Ecosystem platform ของเครือสพัฒน์ที่เป็นผู้สนับสนุนหลัก มีธุรกิจที่หลากหลายสามารถเป็นผู้เช่าให้กองได้ทั้งในปัจจุบันและอนาคต ซึ่งความหลากหลายของสินค้า หลายแบรนด์ที่ผลิตและจำหน่ายอยู่นั้นสามารถกลับเข้ามาเป็นผู้เช่าให้กับกองได้ ถือเป็นจุดสำคัญ อีกทั้งการมีความหลากหลายทั้งทำเลที่ตั้งสินทรัพย์ที่กองลงทุน ความหลากหลายในแง่ของผู้เช่าของคลิงสินค้า อีคอมเมิร์ซ สิ่งทอ สินค้าอุปโภคบริโภค ถืเป็นกระจายความเสี่ยงท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจผันผวน อีกทั้งการที่เรามีผู้เช่าหลากธุรกิจทำให้เราสามารถปรับเพิ่มค่าเช่าได้ในช่วงที่ผ่านมา”นายปิยะพงศ์ กล่าว

ปัจจุบันผู้เช่าอยู่ในธุรกิจโลจิสติกส์ 42% อุตสาหกรรม 28% อีคอมเมิร์ซ 16% เป็นต้น ขณะที่ผู้เช่ามีทั้งชาวไทย ญี่ปุ่น จีน อาร์เจนติน่าและเกาหลี ซึ่งทั้งสองส่วนเชือว่าเป็นกระจายความเสี่ยงได้เป็นอย่างดี

ขณะที่ผลการดำเนินงานล่าสุดในไตรมาส 2/2565 ของทรัพย์สินทั้ง 4 โครงการ มีอัตราการเช่าพื้นที่เฉลี่ยสูงถึง 99.20% แสดงถึงศักยภาพและการต่อสัญญาจากผู้เช่าอย่างต่อเนื่อง แม้ในช่วงที่ภาพรวมเศรษฐกิจได้รับผลกระทบจากสถานการณ์แพร่ระบาดของ COVID-19 แต่อัตราการเช่าพื้นที่ทุกโครงการยังคงอยู่ในระดับสูง

สำหรับจุดเด่นของสินทรัพย์ที่ลงทุน ได้แก่ 1) โรงงานและคลังสินค้าที่มีมาตรฐานการออกแบบและก่อสร้างสูง รองรับการปรับเปลี่ยนรูปแบบใช้งานให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้เช่า

2) มีผู้เช่ากระจายตัวจากหลากหลายอุตสาหกรรม อาทิ โลจิสติกส์ อีคอมเมิร์ซ สินค้าอุปโภคบริโภค ฯลฯ และส่วนใหญ่เป็นคู่ค้าหรือบริษัทในเครือสหพัฒน์ที่เช่าพื้นที่มาเป็นระยะเวลานาน

3) มีระบบสาธารณูปโภคภายในโครงการครบครัน โดยในปี 2564 โครงการสวนอุตสาหกรรมเครือสหพัฒน์ ศรีราชา และกบินทร์บุรี ได้รับรางวัล “เมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ” (Eco Industrial Town) หรือเมืองน่าอยู่คู่อุตสาหกรรม จากกรมโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งผ่านเกณฑ์ระดับที่ 5 Happiness ซึ่งเป็นระดับสูงสุด และ 4) บริษัทสหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง ซึ่งมีประสบการณ์บริหารโครงการสวนอุตสาหกรรมมากว่า 47 ปี จะเป็นผู้บริหารอสังหาริมทรัพย์ของกองรีทฯ

นอกจากนี้ กองรีทยังมีโอกาสเติบโตจากการขยายการลงทุนในทรัพย์สินโครงการอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ (ให้เช่า) หรืออสังหาริมทรัพย์ให้เช่าเพื่อการอยู่อาศัยในอนาคต อาทิ ศูนย์กระจายสินค้า คลังสินค้า อาคารโรงงาน คลังห้องเย็น ดาต้าเซ็นเตอร์ พื้นที่เก็บของให้เช่า ฯลฯ โดยมุ่งเน้นคัดเลือกทรัพย์สินที่มีศักยภาพเพื่อสร้างการเติบโตแก่กองรีทฯ